Menu
อาหารผู้สูงอายุ

5 ข้อควรระวัง สำหรับการเลือกอาหารผู้สูงอายุ สำหรับผู้ดูแล และญาติ

สำหรับญาติ หรือผู้ดูแลที่ต้องดูแลคนสูงอายุมีความต้องการโภชนาการพิเศษเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และกระบวนการเผาผลาญพลังงานที่ลดลง ต้องเข้าใจหลักโภชนาการว่า “เลือกอาหารอย่างไร?” ให้ผู้สูงวัยทานแล้วสุขภาพดีขึ้น มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น จึงต้องระวัง 5 ข้อนี้ ป้องกันอันตรายจากความไม่รู้ ไม่เลือกอาหารผิดหลักให้กับผู้สูงวัยที่ท่านรัก

“อาหารผู้สูงอายุ” ต่างจากอาหารทั่วไปอย่างไร

อาหารของคนสูงอายุต้องคำนวณโภชนาการพิเศษ เนื่องจากมีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่าง ปรับปรุงลดปริมาณแคลอรีเพื่อป้องกันน้ำหนักเกิน และเพิ่มปริมาณโปรตีนเพื่อรักษากล้ามเนื้อ และส่งเสริมการฟื้นฟูจากโรคหรือบาดเจ็บที่มีไปพร้อมกับการส่งเสริมการบริโภคอาหารผู้สูงอายุที่รวดเร็ว เพื่อให้การรับประทานอาหารเป็นประสบการณ์ที่ดี และมีประโยชน์สูงสุดในช่วงวัยที่สูงขึ้น

ความแตกต่างจากอาหารทั่วไป ของอาหารผู้สูงอายุ 

“อาหารผู้สูงอายุ” มักจะถูกออกแบบเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางโภชนาการ และสุขภาพของผู้สูงอายุที่มีความต้องการพิเศษต่าง ๆ ซึ่งอาจแตกต่างจากอาหารทั่วไปในบางด้านดังนี้

ปริมาณแคลอรี : คนสูงอายุมักมีความต้องการแคลอรีที่น้อยลงเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มอายุอื่น ๆ เนื่องจากมีการลดการเผาผลาญพลังงานในร่างกายเมื่อมีการแก่ขึ้น ดังนั้น, อาหารผู้สูงอายุบางประการมักจะถูกปรับให้มีปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม.

โปรตีน : การบริโภคโปรตีนมีความสำคัญในการรักษากล้ามเนื้อ และสุขภาพทั่วไปของผู้สูงอายุ. อาหารผู้สูงอายุอาจมีปริมาณโปรตีนที่สูงขึ้นเพื่อช่วยในการรักษากล้ามเนื้อ และป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อที่เกิดจากกระบวนการแก่ขึ้น.

แร่ธาตุ และวิตามิน : บางครั้ง, อาหารผู้สูงอายุอาจมีการเพิ่มปริมาณแร่ธาตุ และวิตามิน certain เพื่อรองรับความต้องการทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้นหรือเพื่อป้องกันภาวะสภาวะโภชนาการที่ไม่เพียงพอ.

ไฟเบอร์ : การบริโภคไฟเบอร์มีความสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และป้องกันปัญหาทางเดินอาหาร เพราะฉะนั้น, อาหารผู้สูงอายุมักจะมีไฟเบอร์ในปริมาณที่เพียงพอ.

น้ำ : การดื่มน้ำเพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพทั่วไป และมีความสำคัญยิ่งขึ้นในประสบการณ์ของผู้สูงอายุ, ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการได้รับน้ำไม่เพียงพอ.

อาหารผู้สูงอายุมักจะถูกปรับให้เหมาะสมกับความต้องการทางโภชนาการ และสุขภาพของกลุ่มนี้ที่มีความแตกต่างจากกลุ่มอายุอื่น ๆ การให้ความสนใจเพิ่มเติมต่อโปรแกรมอาหารผู้สูงอายุอาจช่วยในการรักษาสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุได้ดีขึ้น

ประเภทของ อาหารผู้สูงอายุ

อาหารของผู้สูงอายุมีหลายประเภท และมักถูกออกแบบเพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางโภชนาการ และสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุ มีหลักการเลือก ดังนี้ 

อาหารผู้สูงอายุที่เบื่ออาหาร

ผู้สูงอายุบางครั้งอาจพบว่าความสนใจในการรับประทานอาหารลดลง เบื่ออาหาร เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทองคำ การเผชิญหน้ากับปัญหานี้ต้องได้รับการจัดการอย่างพิถีพิถัน เพราะอาหารที่ไม่เพียงแต่เสียดายต่อสุขภาพกาย แต่ยังมีผลกระทบต่อสภาพจิต และคุณภาพชีวิตโดยรวม

จัดอาหารผู้สูงอายุที่เบื่ออาหารอย่างไรดี?

  • ปรับปรุงรูปแบบการเตรียมอาหาร เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเตรียมอาหารอาจช่วยเพิ่มความสนใจในการรับประทาน การลองให้เสนออาหารในรูปแบบที่ต่างกัน หรือการเปลี่ยนเมนูเป็นระยะ ๆ สามารถสร้างความหลากหลาย และเพิ่มความน่าสนใจ
  • ปรึกษาโภชนาการ เป็นวิธีที่ดีเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกอาหารผู้สูงอายุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และตอบสนองต่อความสนใจของผู้สูงอายุ
  • การสร้างประสบการณ์ทานอาหารที่ดี โดยการตกแต่งโต๊ะอาหาร หรือการเตรียมของเล่นเพื่อเพิ่มความสนใจ และความสุขในการทาน

อาหารผู้สูงอายุไม่มีฟัน

การไม่มีฟัน หรือมีฟันที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างปกติอาจทำให้การรับประทานอาหารเป็นที่ยากลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่าการรักษาสุขภาพด้วยอาหารต้องยุติ

อาหารผู้สูงอายุไม่มีฟัน

จัดอาหารผู้สูงอายุไม่มีฟันอย่างไรดี?

  • อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยว เลือกใช้อาหารผู้สูงอายุที่อ่อนนุ่ม และง่ายต่อการทาน เช่น อาหารปีกปีน, อาหารต้ม, และผลไม้ที่อ่อนโยน
  • การใช้เทคโนโลยี ใช้เครื่องปั่นอาหาร หรือการบีบอาหารเป็นเนื้อเยื่อเละเมื่อผสมกับน้ำ หรือน้ำซุป จะทำให้เกิดเป็นรูปร่างที่ง่ายต่อการรับประทาน
  • ลดอาหารที่ต้องการการเคลือบ เลือกใช้อาหารผู้สูงอายุที่มีน้ำตาลน้อย และน้ำมันน้อย เพื่อลดความเสี่ยงของโรคช้ำเคืองและความอ้วน

อาหารผู้สูงอายุป่วยติดเตียง

ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงต้องการความสนใจเฉพาะเจาะจงเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และเหมาะสมกับสภาพร่างกายที่อ่อนแอ

อาหารผู้สูงอายุป่วย

จัดอาหารผู้สูงอายุป่วยติดเตียงอย่างไรดี?

  • การปรับเปลี่ยนประเภทอาหาร ปรับปรุงประเภทอาหารเพื่อให้เหมาะกับสภาพร่างกายที่อ่อนแอ เช่น อาหารที่บดละเอียดหรือนำเข้าผ่านทางท่ออาหาร เหมาะสมกับการพักฟื้น
  • การให้สารอาหารทางหลอด ในบางกรณีที่ไม่สามารถทานอาหารทางปากได้ สามารถให้สารอาหารทางหลอดได้ ควรเป็นอาหารเหลว หรืออาหารปั่นละเอียด
  • การปรึกษาทีมสุขภาพ การร่วมทีมทำงานกับแพทย์, พยาบาล, และโภชนาการเพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสม

อาหารทดแทนสำหรับผู้สูงอายุ

อาหารทดแทนมื้ออาหาร เป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ที่มีวางจำหน่ายทั้งรูปแบบ ผงชงดื่ม, ของเหลวบรรจุขวดพร้อมดื่ม, แบบปั่นละเอียด ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงจากความต้องการอย่างเฉพาะเจาะจงของร่างกายผู้สูงอายุเป็นหลัก

เลือกอาหารทดแทนสำหรับผู้สูงอายุอย่างไรดี?

  • สูตรครบถ้วน ต้องทดแทนการทานมื้ออาหารปกติได้ โดยคิดจากพลังงานต่อมื้อ รวมถึงปริมาณสารอาหาร โดยต้องให้พลังงานไม่ต่ำกว่า 200-400kcal จึงเหมาะสม
  • มีโปรตีนสูง เป็นสารอาหารสำคัญสำหรับผู้สูงวัย ช่วยซ่อมสร้างกล้ามเนื้อ รักษาสภาพร่างกายให้อยู่ในภาวะที่ปกติ โดยอาหารทดแทนมื้ออาหารผู้สูงอายุที่ดีควรมีโปรตีนไม่ต่ำกว่า 15 กรัม ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 
  • มีไฟเบอร์สูง เพราะผู้สูงวัยมักมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่าย ไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี กระตุ้นการขับถ่าย ให้ลำไส้สุขภาพดี อาหารทดแทนจึงควรมีไฟเบอร์สูง 

ต้องอายุเท่าไร จึงเริ่มทานอาหารผู้สูงอายุ

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการแบ่งอายุที่แน่นอนที่บอกว่า ต้องทานอาหารเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุตอนอายุเท่าไร ทั้งนี้ การทานอาหารควรจะขึ้นอยู่กับสภาพสุขภาพ,โรคประจำตัว, ความต้องการทางโภชนาการ, และการกำลังกายของแต่ละคน 

ผู้สูงอายุ ในช่วงอายุ อายุ 50-59 ปี

เป็นช่วงวัยที่ร่างกาย เริ่มขาดแคลเซียม โครงสร้างร่างกาย และฮอร์โมนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทอง หากท่านผู้สูงวัยอยู่ในช่วงอายุ อายุ 50-59 ปี ควรทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง และเริ่มควบคุมการใส่เครื่องปรุงรสในอาหาร โดยเฉพาะน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคผู้สูงวัยหลายโรค 

ผู้สูงอายุ ในช่วงอายุ 60-69 ปี

เป็นช่วงวัยที่ร่างกายเข้าสู่วัยทองเต็มตัว ฮอร์โมนเริ่มเปลี่ยนแปลง เซลล์สมองเริ่มเสื่อม ความจำ สมาธิ และอารมณ์เริ่มแปรปรวน จึงควรทานอาหารที่มี โอเมก้า-3, วิตามินรวม เพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อรักษาสมดุลของสมองให้เป็นพื้นฐานที่ดีในช่วงวัยหลัง 70 ปี ซึ่งเข้าสู่ช่วงวัยชราเต็มตัว 

ผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 70 ปีขึ้นไป

เป็นช่วงวัยที่ทั้งผู้ดูแล และตัวผู้สูงวัยเอง ต้องใส่ใจโภชนาการอย่างละเอียด เพราะอาหารถือเป็นตัวกำหนดสุขภาพแบบภาพรวมว่า สุขภาพจะเป็นแบบใด ในช่วงวัยนี้ เราแนะนำให้ทานอาหารที่สามารถดูดซึมได้ง่าย เช่น อาหารอ่อนนุ่ม, อาหารบด, อาหารปั่น หรืออาหารทดแทนมื้ออาหาร ที่มีการจัดโภชนาการอาหารอย่างเฉพาะเจาะจง 

วิธีจัดอาหารผู้สูงอายุ สำหรับผู้ดูแล

การดูแลผู้สูงอายุในด้านอาหารเป็นส่วนสำคัญของการรักษาสุขภาพทั้งร่างกาย และจิตใจของพวกเขา. การรับคำปรึกษาจากนักโภชนาการ หรือทีมทางการแพทย์เป็นสิ่งที่ดีเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมต่อความต้องการ และสภาพอาการของผู้สูงอายุ โดยใช้หลักการ 3 ข้อง่าย ๆ คือ “อร่อย ทานง่าย ได้ประโยชน์”

อร่อย หมายถึง รสชาติต้องถูกปากผู้ทาน ถึงแม้ว่าผู้สูงวัยจะเป็นช่วงอายุที่ไม่สามารถทานอาหารที่ปรุงรสได้มากนัก แต่การจัดการรสชาติถือเป็นความท้าทายของผู้ดูแล “เพื่อป้องกันภาวะเบื่ออาหาร” ซึ่งเป็นภาวะทางจิตที่เกิดได้มากในผู้สูงวัย โดยในปัจจุบันมีเครื่องปรุงรสที่เป็นทางเลือกทางสุขภาพมากมาย เช่น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล, เกลือโซเดียมต่ำ, น้ำมันมะกอกไขมันดี เป็นต้น 

ทานง่าย หมายถึง ต้องทำให้เนื้อสัมผัสของอาหารไม่แข็ง หรืออ่อนเกินไป เหมาะสมกับผู้สูงวัยในแต่ละช่วงวัย ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้มาตรฐาน IDDS เป็นตัวกำหนดความหนืดของอาหาร ซึ่งผู้ดูแลต้องปรับความหนืดของอาหารให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงวัยทานได้อย่างง่ายดาย ไม่สำลัก และทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้น ดีต่อร่างกายแบบองค์รวม

ได้ประโยชน์ หมายถึง สารอาหารต้องถูกต้องตามโภชนาการของผู้สูงวัย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของร่างกายอย่างเฉพาะเจาะจง โดยผู้ดูแลสามารถปรึกษาแพทย์ หรือนักโภชนาการเพื่อคำนวณสารอาหารผู้สูงอายุที่เหมาะสมได้ หรือ สามารถประมาณการง่าย ๆ ด้วยหลักการ “แป้ง 2 ส่วน : โปรตีน 2 ส่วน : ผัก 1ส่วน” เป็นสัดส่วนอาหารต่อหนึ่งมื้อที่ผู้ดูแลต้องจัดสรร

ตัวอย่าง 5 เมนูอาหารผู้สูงอายุ มีประโยชน์ต่อร่างกาย

เมนูที่ 1 ต้มจืดเต้าหู้ไข่

แนะนำ : ผู้สูงวัยที่ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว

ต้มจืดเป็น เมนูคุ้นเคยของคนไทย หาซื้อได้ง่าย และสามารถทำเองได้ โดยการใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่ชนิด เช่นผักกาดขาว สาหร่าย เต้าหู้ไข่ หมูสับละเอียด ผักชี ต่าง ๆ ที่เมื่อต้มให้เปื่อยแล้ว จะให้เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว แล้วยังให้สารอาหารได้ดี อย่างเต้าหู้ไข่ที่มีโปรตีนเฉลี่ย 5-8 กรัม เทียบเท่ากับไข่ต้ม 1 ฟอง เมื่อเป็นรูปแบบของเต้าหู้ จึงสามารถทานได้ง่ายกว่า และร่างกายดูดซึมได้ดีกว่า จึงเป็นเมนูแนะนำ

เมนูที่ 2 สลัดผักรวม

แนะนำ : ผู้สูงวัยที่เบื่ออาหาร

ผักเป็นสารอาหารที่มี ไฟเบอร์สูง อุดมด้วยวิตามิน มีไขมันดี และให้พลังงาน ทานแล้วอยู่ท้องนาน สลัดผักจึงเป็นเมนูที่แนะนำที่แนะนำสำหรับผู้สูงวัย หากแต่ผักบางชนิด มีเนื้อแข็งเมื่อทานดิบ จึงควรนำไปต้ม หรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก เพื่อให้ทานง่ายขึ้น เช่น ฟักทอง, แคร์รอท, บรอกโคลี, ผักกาดขาว, ผักกาดแก้ว, กะหล่ำปลี แล้วปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ เช่น เกลือโซเดียมต่ำ, น้ำมันมะกอก, น้ำสลัดสูตรเพื่อสุขภาพ, น้ำเชื่อมจากหญ้าหวาน ก็จะทำให้สลัดผักมีรสชาติที่อร่อย และมีความหลากหลาย

เมนูที่ 3 ข้าวต้มปลา

แนะนำ : ผู้สูงวัยผู้ที่ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว

ข้าวต้มทรงเครื่อง อาจทานกับปลาปิ้ง ปลานึ่ง หรือปลาย่าง ที่ถูกแกะแยกก้างออกจากเนื้อมาเรียบร้อย ทำให้แน่ใจว่าไม่มีก้างปลาปะปนไปกับเนื้อปลา ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ทานได้ ในด้านโภชนาการ ถือว่าเป็นเมนูที่ให้พลังงานได้ดี มีโปรตีนและไขมันดีจากเนื้อปลา จึงเหมาะกับผู้สูงวัย

เมนูที่ 4 แกงฟักทอง

แนะนำ : ผู้สูงวัยทั่วไป หรือผู้ที่ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว

ฟักทองเป็นผักที่อุดมไปวิตามินสูง น้ำตาลต่ำ และเมื่อนำมาต้มให้เปื่อยแล้ว เนื้อสัมผัสของฟักทองจะนิ่ม ละเอียด สามารถนำมาปรุงได้หลายเมนู หากนำมาทำอาหารให้ผู้สูงอายุ แนะนำให้ต้มจนกว่าฟักทองจะมีเนื้อข้นหนืด ปรุงรสด้วยเกลือ และเครื่องแกงเพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวเป็นพิเศษ 

เมนูที่ 5 ซุปเห็ด

แนะนำ : ผู้สูงวัยทั่วไป ที่ยังสามารถทานอาหารปกติได้

เห็ดมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือดได้ดี เป็นแหล่งวิตามิน B และวิตามิน D ซึ่งช่วยต้านกระบวนการชราได้ดี จึงเหมาะกับผู้สูงวัย แนะนำให้นำมาทำเป็นซุป เพื่อทำให้อ่อน นุ่ม ทานง่าย

ญาติและผู้ดูแลต้องรู้ 5 ข้อควรระวัง วิธีเลือกอาหารผู้สูงอายุ

วิธีเลือกอาหารผู้สูงอายุ

การเลือกอาหารสำหรับผู้สูงอายุต้องคำนึงถึงความต้องการทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากกระบวนการสูญเสียสารอาหาร, การย่อยอาหารลดลง, และความสามารถในการดูแลตัวเองที่ลดลง. นอกจากนี้, ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้การเลือกอาหารให้ผู้สูงอายุต้องระวังมากขึ้น

ระวังขาดโปรตีน

โปรตีน สารอาหารสำคัญที่ช่วยคงสภาพของเนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อ หากทานโปรตีนได้น้อย จะส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อลีบหาย ไร้พละกำลังในการหยิบจับสิ่งต่าง ๆ โครงสร้างร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้ผู้สูงวัยมีโอกาสจะเป็นโรคแทรกซ้อน รวมถึงอุบัติเหตุที่มาจากความอ่อนของมวลกล้ามเนื้อ เช่น การวูบล้ม มวลกระดูกเสื่อม ผิวหนังอ่อนแอ

เมื่อจัดเตรียมอาหารผู้สูงอายุ “จำเป็นต้องเลือกโปรตีนทั้งชนิดที่ ทานง่าย และดูดซึมง่าย” เช่น เนื้อปลา นมถั่วเหลือง ผลิตภัณฑ์โปรตีนแบบชง หรือผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหารสูตรครบถ้วน ก็จะเป็นทางเลือกที่ง่าย และดีกับ ทั้งผู้ทาน และผู้ดูแล และ “จัดสรรปริมาณโปรตีนให้เหมาะสม” เช่น ผู้สูงอายุ มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะต้องการโปรตีนขั้นต่ำ 50 กรัม ดังนั้น โปรตีนในแต่ละมื้ออาหาร ควรไม่ต่ำกว่า 15 กรัมต่อมื้อ เมื่อทานครบทั้ง 3 มื้อจึงได้รับโปรตีนที่เพียงพอ

ระวังน้ำตาล

น้ำตาลเป็นเครื่องปรุงรสที่คนไทยชอบ ในทุก ๆ อาหารใกล้ตัวเรามักมีน้ำตาลมากเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ เพราะใน 1 วัน ร่างกายเราสามารถรับน้ำตาลได้เพียง 25 กรัมเท่านั้น หรือเทียบเท่า 6 ช้อนชา หากเกินกว่านี้ จะเสี่ยงกับโรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจผู้ดูแล จำเป็นต้องจำกัดคำนึงปริมาณน้ำตาลขณะที่ปรุงอาหารให้ผู้สูงอายุ ใน 1 มื้ออาจใส่น้ำตาลเพียง 1 ช้อนชา หรืออาจใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเป็นเครื่องปรุงรสแทนน้ำตาล หากผู้สูงวัยต่อต้านเรื่องรสชาติ ผู้ดูแลจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้สูงวัย ว่าจะสามารถปรับตัวรับรสชาติได้เมื่อปรับพฤติกรรมไป 2-3 สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มคุ้นชิน และทานอาหารให้อร่อยได้โดยไม่ต้องพึ่งน้ำตาล

ผู้ดูแลสามารถระวังเรื่องน้ำตาลให้ผู้สูงอายุได้ง่าย ๆ 3 ข้อดังนี้

  1. ปรุงรสอย่างระมัดระวัง ไม่ใส่น้ำตาลมากเกินปริมาณที่เหมาะสม แนะนำไม่เกิน 1 ช้อนชา ต่อมื้อ
  2. ปรุงรสด้วยการใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ เช่น ผลิตภัณฑ์จากหญ้าหวาน หรืออื่น ๆ
  3. ประกอบอาหารเองทุกครั้ง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป หรืออาหารที่ไม่ทราบแหล่งที่มา

หรือหากเลี่ยงไม่ได้ในกรณีที่ต้องทานอาหารนอกบ้าน แนะนำให้บอกกับผู้จำหน่ายอาหารอยู่เสมอ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนในผู้สูงวัยที่มีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า 

ระวังความสะอาด

แบคทีเรีย และ ไวรัส เป็นสิ่งสามารถติดมากับอาหารได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุของ โรคท้องเสียรุนแรง, โรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร, โรคอาหารเป็นพิษ, รวมถึงโรคที่มาจากไวรัสต่าง ๆ 

ผู้ดูแลสามารถระวังเรื่องความสะอาดของอาหารผู้สูงอายุได้ง่าย ๆ 5 ข้อดังนี้ 

  1. ล้างวัตถุดิบให้สะอาด หากเป็นพืชผัก ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 รอบ เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อน และสารเคมีที่มาจากการผลิต 
  2. ทำให้สุก ด้วยความร้อน อาจต้ม หรือนึ่ง และควรทานเมื่ออาหารยังอุ่น 
  3. ล้างมือก่อนทาน หากผู้ดูแลเป็นผู้ป้อนอาหาร จำเป็นต้องล้างมือของตัวเองให้สะอาดด้วยสบู่ หรือสเปรย์ล้างมือ ก่อนหยิบจับอาหารให้กับผู้สูงวัย 
  4. ไม่เก็บอาหารค้างคืนมาทานซ้ำ หรือหากต้องการทานซ้ำ ควรอุ่นอาหารด้วยความร้อนที่เพียงพอ เพื่อกำจัดเชื้อโรค และแบคทีเรียในอาหารที่อาจเติบโตได้เมื่อทิ้งอาหารไว้นานเกินกว่า 2 ชั่วโมง
  5. เช็ควันหมดอายุของวัตถุดิบทุกครั้งก่อนนำมาปรุงอาหาร 

ระวังติดคอ

ผู้สูงอายุส่วนมากมักมี “ภาวะกลืนลำบาก” กันทุกคน โดยความรุนแรงขึ้นอยู่กับช่วงอายุ เพราะต้นเหตุของภาวะกลืนลำบากมาจากความเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อช่องปาก และคอหอย ทำให้ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหาร และกลืนลงคอได้ ส่งผลให้อาหารติดคอ ซึ่งอาจรุนแรงได้ถึงขั้นเสียชีวิต หากอาหารหลุดเข้าไปอุดกลั้นหลอดลม หรืออาจเกิดอาการสำลักเรื้อรัง ที่ทำให้ผู้สูงวัยสูญเสียความสามารถในการทานอาหาร ผู้ดูแลจึงต้องดูแลผู้สูงวัยอย่างใกล้ชิดเมื่อทานอาหาร เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากอาหารติดคอ

ผู้ดูแลสามารถระวังอาหารติดคอให้ผู้สูงอายุได้ง่าย ๆ 3 ข้อดังนี้

  1. ทำให้อาหารให้มีชิ้นเล็ก นำไปบด ปั่น หั่นซอย  ช่วยให้ทานง่าย ลดโอกาสที่อาหารจะอุดกั้นหลอดลมเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด 
  2. ป้อนคำเล็กลง สามารถทำได้โดยใช้ช้อนตักที่มีขนาดเล็กกว่าปกติ 
  3. ทานอาหารที่มีเนื้ออ่อน เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก โยเกิร์ต หรือเนื้อปลา ไข่ลวก เป็นต้น

ระวังเครื่องปรุงรส

เครื่องปรุงรส เป็นต้นเหตุของหลายโรคร้าย เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด ซึ่งสาเหตุมาจากปริมาณโซเดียม และปริมาณน้ำตาล อยู่ในเกณฑ์ที่สูงเกินความจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา หรือ ซอสที่เกิดจากการหมักดอง เช่น ซอสถั่วหมักต่าง ๆ ก็ถือเป็นสิ่งที่ควรระวังด้วยเช่นกันหากต้องการปรุงในอาหารเพื่อผู้สูงวัย

ผู้ดูแลสามารถระวังเครื่องปรุงรสให้ผู้สูงอายุได้ง่าย ๆ 3 ข้อดังนี้

  1. ใช้เกลือสูตรโซเดียมต่ำ และควบคุมปริมาณไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน 
  2. ไม่ใช้ซอส ที่มาจากการหมัก และซอสมีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ
  3. คำนึงถึงปริมาณเครื่องปรุงรสในอาหารใกล้ตัวเสมอ

อาหารทดแทนมื้ออาหาร อาหารผู้สูงอายุทางเลือกใหม่

อาหารทดแทนมื้ออาหาร หรือ Meal Replacement เป็นอาหารรูปแบบหนึ่งที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่สามารถ หรือไม่ต้องการทานอาหารปกติ แต่ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนเหมือนทานอาหารปกติ เช่น ผู้สูงวัย ผู้ป่วย ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาในการทานอาหาร การใช้อาหารทดแทนถือเป็นทางเลือกที่ดี และง่ายต่อผู้ทาน
สำหรับผู้สูงอายุ อาหารทดแทนช่วยประหยัดเวลาให้ผู้ดูแล ลดความยุ่งยากในการเตรียมอาหาร สร้างประสบการณ์การทานสุดพิเศษที่ผู้สูงวัยถูกใจ เทคโนโลยีอาหารยุคใหม่สำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ ด้วยการใช้ “อาหารทดแทนมื้ออาหาร นิวทริโฟล (Nutriflow)”

5 ข้อดีของนิวทริโฟล ที่อยากแนะนำให้ผู้ดูแล เลือกใช้ 

  1. พัฒนาสูตรด้วยทีมนักวิจัย จากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พิเศษที่สามารถปรับเนื้อสัมผัสได้ตามมาตรฐาน IDDSI ระดับที่ 1 ถึง 3 ที่เหมาะกับผู้สูงวัยที่มีภาวะกลืนลำบากโดยเฉพาะ 
  2. อาหารทดแทนสูตรครบถ้วน ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ เทียบเท่าอาหาร 1 มื้อ ที่มีทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ และวิตามิน 
  3. ให้พลังงานสูง อยู่ท้องนาน เสริมพละกำลังให้ผู้สูงวัย ใช้ชีวิตแข็งแรงได้ตลอดทั้งวัน
  4. สูตรโปรตีนพืช 100% ร่างกายซึมสารอาหารได้ง่าย เสริมกล้ามเนื้อแข็งแรง
  5. ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ผู้สูงวัย รวมถึงผู้ป่วยเบาหวาน ทานได้อย่างปลอดภัย ผู้ดูแลไร้กังวล

ทางเลือกใหม่ เสริมโภชนาการให้ผู้สูงวัย ช่วยผู้ดูแลประหยัดเวลาได้ ด้วยอาหารทดแทนมื้ออาหารนิวทริโฟล 

สรุป

การเลือกอาหารสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากความต้องการทางโภชนาการของผู้สูงอายุมีความแตกต่างจากกลุ่มอายุอื่น ๆ และมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในช่วงวัยที่มีอายุมากขึ้นไป การเลือกอาหารผู้สูงอายุที่เหมาะสม และตรงตามความต้องการของผู้สูงอายุจะช่วยรักษาสุขภาพ และคุณภาพชีวิตในวัยที่มีอายุมากขึ้นไป

«
»

Product

About

Learn

Pricacy Policy
©O&P Quality Trade Co., Ltd. All rights Reserved.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save