อาหารทดแทน คือ?

อาหารทดแทน (Meal replacement) หรือในวงการแพทย์จะเรียกว่า “อาหารทางการแพทย์” คืออาหารสร้างมาเพื่อทดแทนมื้ออาหารปกติ โดยออกแบบสูตรให้มีสารอาหารครบถ้วน และพอเพียงในอัตราส่วนที่จำเป็นสำหรับร่างกาย เช่น อาหารทดแทนแบบเมล์รีพลาสเชค (Meal replacement shakes) และบาร์ทดแทนอาหาร (Meal replacement bars) ซึ่งมักจะมีส่วนประกอบหลักเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย Meal replacement สามารถใช้เพื่อลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก และใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักในการรับประทานอาหารในช่วงเวลาที่ไม่สามารถรับประทานอาหารจริงได้
9 ประโยชน์ของอาหารทดแทน
- ความสะดวกสบาย อาหารทางการแพทย์มักมีรูปแบบที่สะดวกสบายและพกพาได้ง่าย ชงง่าย ปรุงง่าย เช่น เมล์รีพลาสหรือบาร์ทดแทนอาหาร ทำให้เราสามารถรับประทานได้ทุกที่โดยไม่ต้องใช้เวลาเตรียมอาหารเพิ่มเติม
- คุณค่าทางโภชนาการ อาหารทางการแพทย์ถูกออกแบบให้มีสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล โดยปกติจะมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งหมด
- ควบคุมน้ำหนัก อาหารทางการแพทย์สามารถใช้เป็นวิธีควบคุมน้ำหนักได้ เนื่องจากมีปริมาณพลังงานที่ควบคุมได้และสารอาหารที่พอเพียงเพื่อรักษาความเป็นอยู่ของร่างกาย
- ได้สารอาหารครบถ้วนแม้ในจำนวนมื้อน้อย ในบางกรณีที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทุกมื้อได้ อาหารทางการแพทย์จะเป็นทางเลือกที่ดีในการให้สารอาหารครบถ้วนแม้ในจำนวนมื้อน้อย
- การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาหารทางการแพทย์ที่มีการควบคุมอัตราส่วนคาร์โบไฮเดรต สามารถช่วยลดการกระเพาะปัสสาวะเลือดสูงและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
- ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ อาหารทางการแพทย์มักจะมีส่วนประกอบของโปรตีนที่สูง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในเสริมสร้าง และเพิ่มขนาดและกล้ามเนื้อ
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรค การรับประทานอาหารทางการแพทย์ที่มีส่วนประกอบที่ครบถ้วนและสมดุล สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับการทานอาหารไม่สมดุล เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง
- สร้างสมดุลในระบบของร่างกาย อาหารทางการแพทย์มีส่วนประกอบที่ออกแบบมาให้ครบถ้วนและสมดุล ช่วยให้ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างปกติและสมดุล
- ประหยัดเวลา การรับประทานอาหารทางการแพทย์อาจช่วยให้คุณประหยัดเวลาที่ใช้ในการเตรียมอาหาร และสามารถใช้เวลาในกิจกรรมอื่นๆที่สำคัญต่อคุณได้
ทำไมต้องอาหารทางการแพทย์
อาหารทางการแพทย์สามารถช่วยให้เราได้รับสารอาหารที่สมดุลและครอบคลุมในอาหารประจำวันได้ง่าย และสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่คุณต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก อาหารทางการแพทย์ยังสามารถเป็นตัวช่วยในการเพิ่มกล้ามเนื้อ และเสริมการเจริญเติบโตของร่างกายได้ดี การใช้อาหารทางการแพทย์ควรคำนึงถึงความต้องการและความเหมาะสมสำหรับร่างกายของเรา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
รูปแบบและประเภทของอาหารทดแทน

- เมล์รีพลาส (Meal replacement shakes)
เป็นรูปแบบที่แพร่หลายที่สุดของ Meal replacement มักเป็นผงที่ผสมกับน้ำหรือนม และสามารถรับประทานแทนมื้ออาหารหลักได้ เมล์รีพลาสมักมีส่วนประกอบที่ครบถ้วนทางโภชนาการเช่นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ บางชนิดสามารถใช้กับสายให้อาหารได้ ในกรณีที่ต้องใช้กับผู้ป่วยติดเตียง - บาร์ทดแทนอาหาร (Meal replacement bars)
เป็น Meal replacement ที่อยู่ในรูปแบบบาร์ มักมีรสชาติหลากหลายและสามารถรับประทานได้ทันทีโดยไม่ต้องผสมกับน้ำหรือนม บาร์ทดแทนอาหารมักมีสารอาหารครบถ้วนเช่นเดียวกับเมล์รีพลาส แต่มักมีปริมาณโปรตีนสูงกว่า - อาหารทางการแพทย์เฉพาะทาง
เป็นรูปแบบของอาหารทางการแพทย์ ถูกออกแบบมาเพื่อการรักษาโรคหรือสภาวะทางการแพทย์ เช่น อาหารทางการแพทย์ที่มีปริมาณโปรตีนสูงเพื่อการฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการผ่าตัด หรืออาหารทางการแพทย์ที่มีสารอาหารที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีเพื่อผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน - อาหารทางการแพทย์อื่น
นอกจากเมล์รีพลาสและบาร์ทดแทนอาหารยังมีรูปแบบอื่นๆ เช่น ขนมปังที่ออกแบบมาเพื่อรับประทานแทนมื้ออาหาร น้ำผลไม้หรือน้ำผักที่มีสารอาหารครบถ้วน และอาหารที่แช่แข็งที่เตรียมไว้ให้รับประทานเมื่อต้องการ
อาหารทางการแพทย์ เหมาะกับใคร?
ผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุอาจมีปัญหาเรื่องการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร มีภาวะเบื่ออาหาร ซึ่งอาจทำให้มีการดูดซึมสารอาหารลดลง การใช้อาหารทางการแพทย์ที่มีสารอาหารสำคัญอย่างโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสามารถช่วยเติมเต็มสารอาหารที่ผู้สูงอายุร่างกายจำเป็นต้องการได้
ผู้ป่วย
ผู้สูงอายุที่มีภาวะเจ็บป่วยหรือโรคเรื้อรังอาจมีความยากลำบากในการรับประทานอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล อาหารทางการแพทย์สามารถเป็นทางเลือกในการให้สารอาหารที่จำเป็นแก่ผู้สูงอายุได้โดยง่ายและสะดวก ในกรณีที่ผู้สูงอายุสูญเสียน้ำหนักหรือต้องการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด อาหารทางการแพทย์สามารถช่วยในกระบวนการฟื้นฟูและให้พลังงานแก่ร่างกายได้
ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
อาหารทางการแพทย์มักมีปริมาณพลังงานที่แน่นอน และยังมีสารอาหารที่ครบถ้วน ทำให้ผู้ที่ต้องการลด หรือควบคุมน้ำหนักตัว สามารถวางแผนการทานอาหารทางการแพทย์ควบคู่กับการออกกำลังกายได้ ช่วยปรับพฤติกรรมการกิน
ผู้ที่มีเวลารับประทานอาหารน้อย
อาหารทางการแพทย์มักมีความสะดวกและง่ายต่อการรับประทาน โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้สูงอายุมีปัญหาในการบริโภคอาหารทั่วไป นอกจากนี้ อาหารทางการแพทย์ยังมีความปลอดภัยในเรื่องการเก็บรักษา ไม่รบกวนการดำเนินชีวิตปรกติ พกง่าย ทานสะดวก
ผู้ป่วยที่ควรใช้อาหารทางการแพทย์

ผู้ป่วยเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นได้ อาหารทางการแพทย์สามารถเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากมีความสมดุลในการให้พลังงาน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และไฟเบอร์อย่างเหมาะสม โดยความเหมาะสมของอาหารทางการแพทย์สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าอาหารปกติที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงเกินไป
อาหารทางการแพทย์ส่วนมากจะมีคาร์โบไฮเดรตที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายได้ช้า และมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่คงที่ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้งอาหารทางการแพทย์ยังมีปริมาณไขมันที่เหมาะสม เช่น ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ไขมันที่มีปริมาณไม่เกิน 30% ของพลังงานรวม และมีโปรตีนที่สูงพอสมควรเพื่อเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ร่างกาย
การใช้อาหารทางการแพทย์ในผู้ป่วยเบาหวานควรใช้ในการควบคุมปริมาณการบริโภคคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหาร โดยควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อเลือกใช้อาหารทางการแพทย์ที่เหมาะสมและครอบคลุมความต้องการทางโภชนาการของผู้ป่วย เพื่อให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาสุขภาพร่างกายในสภาวะที่ดีได้
ผู้ป่วยมะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งควรใช้อาหารทางการแพทย์เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอและครบถ้วนในช่วงเวลาที่มีการรักษาหรือฟื้นฟูสภาพจากมะเร็ง อาหารทางการแพทย์มักจะมีส่วนประกอบที่ให้พลังงาน โปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถแข่งขันกับโรคมะเร็งและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น
การใช้อาหารทางการแพทย์ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งรับประทานสารอาหารที่คุณภาพสูง โดยมีปริมาณและส่วนประกอบที่เหมาะสม นอกจากนี้ อาหารทางการแพทย์ยังช่วยลดอาการความอ่อนเพลีย ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งระหว่างการรักษา อีกทั้งยังช่วยในกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อร่างกาย และเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารทางการแพทย์ควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการรักษาที่ครอบคลุมทั้งอาหารปกติและการดูแลสุขภาพโดยรวม ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้อาหารทางการแพทย์ที่เหมาะสมและตรงกับสภาพปัจจุบันและความต้องการสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรับประทานอาหารทางการแพทย์
ผู้ป่วยโรคไต
ผู้ป่วยโรคไตควรใช้อาหารทางการแพทย์เพื่อช่วยลดภาระที่ต้องแต่งตัวโดยเฉพาะกับสารอะมิโนและโปรตีน เนื่องจากโรคไตทำให้ไตไม่สามารถทำหน้าที่กรองสารพิษและสารอะไรต่างๆ ออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้อาหารทางการแพทย์ที่มีปริมาณโปรตีนน้อยและสารอะมิโนที่เบาตัวจะช่วยลดการฟื้นฟูและการทำงานของไต ที่สำคัญอาหารทางการแพทย์ยังสามารถควบคุมปริมาณสารอะมิโนที่ต้องการเป็นพิเศษ เพื่อไม่เกิดการสะสมสารพิษที่มาจากอาหารที่ไม่สามารถกรองได้ในร่างกาย ที่สำคัญยังสามารถปรับสารอะมิโนและโปรตีนให้เป็นสูงสุดที่จะทำได้เมื่อไตทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
การใช้อาหารทางการแพทย์ในผู้ป่วยโรคไตควรเลือกใช้โดยคำแนะนำของทีมแพทย์และโภชนาการที่เชี่ยวชาญในด้านโรคไต ต้องมีการคำนึงถึงค่าโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคไต การควบคุมปริมาณโปรตีนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการสะสมสารพิษในร่างกาย รวมถึงความต้องการสารอะมิโนที่ต้องก
อาหารทางการแพทย์ กินแทนข้าวได้ไหม?

สามารถกินอาหารหลักได้ ในผู้ที่ไม่สามารถทานมื้ออาหารปกติได้ แต่ถึงอย่างนั้น อาหารทางการแพทย์ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อแทนที่ทั้งหมดของอาหารทั้งหมดในเมนูประจำวัน แต่เป็นการใช้เพื่อเสริมสร้างสารอาหารที่ผู้รับประทานไม่สามารถได้รับจากอาหารปกติได้เต็มที่ อาหารหลักยังคงเป็นส่วนสำคัญในการให้พลังงานและสารอาหารสำคัญต่อร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานอาหารหลักเพื่อครอบคลุมความต้องการทางโภชนาการอย่างครบถ้วน และสามารถใช้อาหารทางการแพทย์เพื่อเสริมเติมสารอาหารที่ขาดและไม่เพียงพอได้
วิธีเลือกซื้ออาหารทางการแพทย์
ควรซื้อ
- ได้รับการรับรองคุณภาพ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพ เช่น GMP (Good Manufacturing Practice) หรือมาตรฐาน ISO (International Organization for Standardization) เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่คุณซื้อ
- มีส่วนประกอบธรรมชาติ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบธรรมชาติและไม่มีสารเคมีที่ไม่เพียงพอ เพื่อให้ได้รับสารอาหารและสารอาหารอื่น ๆ ที่มีคุณค่าสูง
- มีปริมาณโปรตีนและสารอาหารสำคัญเหมาะสม คุณควรตรวจสอบป้ายกำกับและข้อมูลทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ ที่เหมาะสมต่อความต้องการของคุณ
ควรเลี่ยง
- มีส่วนประกอบซับซ้อนเกินไป คุณควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบซับซ้อนหรือส่วนผสมที่ไม่ทราบความเป็นมาก่อน อาจมีสารเคมีหรือส่วนผสมที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย
- มีสารเติมเต็มเข้มข้น คุณควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเติมเต็มเข้มข้นเกินไป หรือสารเสริมที่ไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
- มีปริมาณน้ำตาลสูง คุณควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดและสุขภาพโดยรวม
- ไม่มีข้อมูลทางโภชนาการ คุณควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีข้อมูลทางโภชนาการหรือข้อมูลไม่เพียงพอ เนื่องจากคุณจำเป็นต้องทราบปริมาณและสารอาหารที่คุณได้รับ
หากคุณมีความกังวลหรือไม่แน่ใจในการเลือกซื้ออาหารทางการแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมและปรับแนะนำตามความต้องการของคุณเอง
สรุป
ก่อนเลือกซื้ออาหารทางการแพทย์ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะกับสถานการณ์และความต้องการของคุณ เป็นคำแนะนำที่เหมาะสมและกำหนดอัตราส่วนและปริมาณที่ถูกต้องสำหรับคุณได้ อาหารทางการแพทย์ถูกใช้ให้ถูกต้องและในกรณีที่เหมาะสมกับความต้องการของบุคคล เช่น การลดน้ำหนัก การควบคุมน้ำตาลในเลือด หรือความจำเป็นทางการแพทย์ ในบางครั้ง อาหารทางการแพทย์อาจช่วยให้ง่ายต่อการบริโภคสารอาหารที่สมดุลย์และครอบคลุมทุกรายการที่จำเป็นในอาหารประจำวัน