ผู้สูงวัยควรตรวจสุขภาพ เพื่อรักษาสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูงในวัยที่มากขึ้น การตรวจสุขภาพช่วยในการค้นพบโรคในระยะเริ่มต้น เพื่อทำให้มีโอกาสรักษาและควบคุมได้มากขึ้น การคัดกรองโรคที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงวัย สามารถช่วยลดภาวะภัยสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ การรับคำปรึกษาจากแพทย์เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสุขภาพในช่วงวัยที่มากขึ้น
ตรวจสุขภาพ คืออะไร?

การตรวจสุขภาพไม่เพียงแค่กระบวนการทางการแพทย์ที่ตรวจสอบสภาพร่างกายของเรา แต่ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยวินิจฉัยและป้องกันโรคต่างๆ
อย่างไรก็ตาม, การตรวจสุขภาพไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงการตรวจสอบอาการเฉพาะของโรคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสอบปัจจัยทางชีวภาพที่ส่งผลต่อสุขภาพทั่วไปของร่างกาย เช่น การตรวจเลือด, การตรวจร่างกาย, และการตรวจระบบอวัยวะต่าง ๆ
ประโยชน์ของการตรวจสุขภาพ
- การตรวจสอบสภาพร่างกาย : เพื่อรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเอง เตรียมตัววางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
- การรักษาโรคในระยะเร็ว : ช่วยในการค้นพบโรคในระยะเวลาที่เร็วที่สุด, เพื่อให้มีโอกาสรักษา และมีโอกาสหายมากขึ้น
- ส่งเสริมพฤติกรรมดูแลสุขภาพที่ดี : ช่วยในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพ สร้างนิสัยใส่ใจสุขภาพ
- ป้องกันโรค : ป้องกันโรคร้ายแรง เริ่มรักษาทันก่อนเกิดวิกฤต
ด้วยการให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพประจำปี เราสามารถรักษาสุขภาพของเราในสภาพดีและมีความพร้อมต่อการเผชิญหน้ากับแผนการในปีที่ตามมาได้อย่างมั่นใจ
ตรวจสุขภาพที่ไหนดี เปรียบเทียบ ข้อดี ข้อเสีย

1. คลินิก
- ข้อดี
- บริการตรวจสุขภาพที่รวดเร็ว คลินิกมักให้บริการตรวจสุขภาพโดยทันทีโดยไม่ต้องรอนาน
- ค่าบริการที่คุ้มค่า คลินิกมักมีค่าบริการที่เข้าถึงได้สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพในงบประมาณที่จำกัด
- สามารถเลือกบริการได้แบบเฉพาะเจาะจง
- ข้อเสีย
- ขาดความละเอียด ในการตรวจสุขภาพเมื่อเทียบกับโรงพยาบาล
- มีข้อจำกัดด้านเครื่องมือทางการแพทย์ และพื้นที่ในการรักษา
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลของรัฐ
- เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการบริการทางการแพทย์ที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน
- ผู้ที่ต้องการความใกล้ชิดกับแพทย์ เพื่อปรึกษาได้อย่างรอบด้าน
2. โรงพยาบาลรัฐ
- ข้อดี
- บริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุม และสามารถให้บริการตรวจสุขภาพที่ครอบคลุมทุกด้าน
- ค่าบริการที่ถูก ค่าบริการของโรงพยาบาลรัฐมักมีราคาที่เข้าถึงได้สำหรับประชาชนทั่วไป
- สะดวก มีอยู่ทุกพื้นที่ เข้าถึงง่าย
- ข้อเสีย
- รอคิวนาน ใช้เวลาในการรับบริการนาน เป็นปัญหาที่บางครั้งที่เจอในโรงพยาบาลรัฐ
- การบริการในระดับปานกลาง มักเกิดจากความกดดันที่เจ้าหน้าที่ต้องรับคนไข้ในปริมาณมากต่อวัน
- ความละเอียดในการตรวจ อาจไม่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแบบโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่
- เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมทุกด้าน
- ผู้ที่มีข้อจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย
3. โรงพยาบาลเอกชน
- ข้อดี
- บริการที่มีคุณภาพสูง โรงพยาบาลเอกชนมักมีบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง, การตรวจที่ละเอียดและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
- การตรวจสอบที่ละเอียด โรงพยาบาลเอกชนมักมีการตรวจสอบที่ละเอียดเพื่อวินิจฉัยและรักษาโรค
- ข้อเสีย
- ค่าบริการสูงที่สุด เมื่อเทียบกับคลินิก และ โรงพยาบาลรัฐ
- เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่ต้องการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง โรงพยาบาลเอกชนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงและต้องการความสะดวกสบาย
การเลือกสถานที่ตรวจสุขภาพขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกสบายของแต่ละบุคคล ควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียของแต่ละตัวเลือกเพื่อให้ได้บริการที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของเรา
ตรวจสุขภาพ ต้องตรวจอะไรกันบ้าง?

ตรวจสุขภาพทั่วไป
การตรวจทั่วไปคือกระบวนการที่ใช้ในการตรวจสุขภาพทั้งร่างกายแบบองค์รวม เพื่อค้นหาสถานะสุขภาพทั่วไปและความเสี่ยงทางการแพทย์ ในกระบวนการนี้, แพทย์จะดำเนินการตรวจร่างกาย, การตรวจเลือด, และประเมินปัจจัยทางชีวภาพที่สามารถมีผลต่อสุขภาพทั่วไปของร่างกาย
ตัวอย่างรายการตรวจสุขภาพทั่วไป
- Complete Blood Count (CBC)
การตรวจ: นับปริมาณเม็ดเลือดแดง, เม็ดเลือดขาว
ประโยชน์: ประเมินค่าความสมบูรณ์ของเลือด, ตรวจสอบรูปร่างและขนาดของเม็ดเลือด, ช่วยในการคัดกรองปัญหาทางสุขภาพ - Fasting Blood Sugar (FBS)
การตรวจ: วัดระดับน้ำตาลในเลือดในช่วงที่ผู้รับบริการยังไม่ได้รับอาหาร
ประโยชน์: คัดกรองและวินิจฉัยโรคเบาหวาน, ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด - Hemoglobin A1c (HbA1c)
การตรวจ: วัดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด
ประโยชน์: ช่วยวินิจฉัยและควบคุมโรคเบาหวาน, บ่งบอกถึงการควบคุมน้ำตาลในเลือดในระยะยาว - Total Cholesterol
การตรวจ: วัดระดับไขมันคอเลสเตอรอลทั้งหมดในเลือด
ประโยชน์: ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, ช่วยในการวินิจฉัยและปรับการรักษา - LDL-Cholesterol (Low-Density Lipoprotein)
การตรวจ: วัดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี
ประโยชน์: ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, ช่วยในการปรับการรักษา - HDL-Cholesterol (High-Density Lipoprotein)
การตรวจ: วัดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดดี
ประโยชน์: ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, ช่วยในการปรับการรักษา - Triglyceride
การตรวจ: วัดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
ประโยชน์: ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ, ช่วยในการปรับการรักษา - High Sensitivity C-Reactive Protein (hs-CRP)
การตรวจ: วัดระดับโปรตีน CRP ที่มีความไวต่อการติดเชื้อ
ประโยชน์: ช่วยในการประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด - Uric Acid
การตรวจ: วัดระดับกรดยูริกในเลือด
ประโยชน์: ช่วยในการวินิจฉัยและควบคุมโรคเกี่ยวกับการสะสมของกรดยูริก - Blood Urea Nitrogen (BUN)
การตรวจ: วัดระดับปริมาณของเสียในร่างกาย
ประโยชน์: ช่วยในการประเมินการทำงานของไต - Creatinine (Cr)
การตรวจ: วัดระดับค่าของครีเอตินิน
ประโยชน์: ช่วยในการประเมินการทำงานของไต - Liver Function Tests (ALT, AST, ALP)
การตรวจ: วัดระดับเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับ
ประโยชน์: ช่วยในการวินิจฉัยและตรวจสอบสุขภาพของตับ - Viral Hepatitis Profile
การตรวจ: คัดกรองหาเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ, บี, ซี
ประโยชน์: ช่วยในการคัดกรองและวินิจฉัยการติดเชื้อ

ตรวจสุขภาพทั่วไปแบบพิเศษ คืออะไร
การตรวจทั่วไปแบบพิเศษคือการตรวจสุขภาพที่มีความละเอียดมากขึ้น และเน้นไปที่ปัจจัยที่อาจมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคหรือสภาพที่พบบ่อยในประชากร ซึ่งมีการตรวจเพิ่มเติมเช่น การตรวจสอบความสมบูรณ์ของเซลล์เลือด, การตรวจภาพรังสี, หรือการตรวจทางชีวเคมีเพื่อวินิจฉัยโรคที่อาจจะไม่ได้รับการตรวจสอบในกระบวนการทั่วไป
ตัวอย่างรายการตรวจสุขภาพทั่วไปแบบพิเศษ
- Electrocardiogram (ECG)
การตรวจ: การวัด และบันทึกคลื่นไฟฟ้าของหัวใจ
ประโยชน์: ใช้เพื่อวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ, ช่วยในการคัดกรองหาโรคหัวใจ - Chest X-ray (CXR)
การตรวจ: การถ่ายรูปทรวงอกเพื่อตรวจสอบสถานะของปอด และหัวใจ
ประโยชน์:ช่วยในการคัดกรอง และวินิจฉัยโรคปอด และหัวใจ - Ultrasound Abdomen
การตรวจ: การใช้อัลตราซาวน์เพื่อดูภาพของอวัยวะในช่องท้อง
ประโยชน์: ช่วยในการวินิจฉัย และติดตามสุขภาพของอวัยวะท้อง - Bone Densitometry (BMD)
การตรวจ: การวัดความหนาแน่นของกระดูก
ประโยชน์: ใช้เพื่อคัดกรอง และวินิจฉัยโรคกระดูก เช่น โรคเกี่ยวกับการเสื่อมทราย

ตรวจสุขภาพเฉพาะโรค
การตรวจเฉพาะโรคเป็นการตรวจสอบเพื่อค้นหาโรคที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งมีการตรวจเพิ่มเติมที่เน้นไปที่ระบบหรืออวัยวะที่มีความเสี่ยงมาก เพื่อการวินิจฉัย และรักษาโรคได้อย่างเฉพาะเจาะจง
ตัวอย่างรายการตรวจสุขภาพเฉพาะโรค
- Alpha-Fetoprotein (AFP)
การตรวจ: การวัดระดับ Alpha-Fetoprotein ในเลือด
ประโยชน์: ใช้เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งตับ,สามารถใช้ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในตับ และสมองในบางกรณี - Carcinoembryonic Antigen (CEA)
การตรวจ: การวัดระดับ Carcinoembryonic Antigen ในเลือด
ประโยชน์: ใช้เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้, สามารถใช้ติดตามความก้าวหน้าของการรักษา - Prostate-Specific Antigen (PSA)
การตรวจ: การวัดระดับ Prostate-Specific Antigen ในเลือด
ประโยชน์: ใช้เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก, ช่วยในการติดตามการรักษาหลังผ่าตัด - Cancer Antigen-125 (CA-125)
การตรวจ: การวัดระดับ Cancer Antigen-125 ในเลือด
ประโยชน์: ใช้เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งรังไข่, สามารถใช้ติดตามการรักษาหลังผ่าตัด - Cancer Antigen-153 (CA 15-3)
การตรวจ: การวัดระดับ Cancer Antigen-153 ในเลือด
ประโยชน์: ใช้เพื่อตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งเต้านม, ช่วยในการติดตามความก้าวหน้าของการรักษา - Cancer Antigen 19-9 (CA 19-9)
การตรวจ: การวัดระดับ Cancer Antigen 19-9 ในเลือด
ประโยชน์: ใช้เพื่อตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งระบบทางเดินอาหาร, ช่วยในการติดตามความก้าวหน้าของการรักษา
เตรียมตัวตรวจสุขภาพ เช็ก 5 ข้อนี้
1. ค่าใช้จ่ายตรวจสุขภาพ

คลินิก
- โปรแกรมพื้นฐาน ตรวจโรคทั่วไป
- 500-1,500 บาท : ตรวจสุขภาพ 4 รายการ
- 1,500-5,000 บาท : ตรวจสุขภาพ 9 -15 รายการ
- โปรแกรมตรวจเฉพาะโรค
- 2,000-10,000 : สำหรับรายการตรวจเฉพาะโรค
โรงพยาบาลรัฐ
- โปรแกรมพื้นฐาน ตรวจโรคทั่วไป
- 0-800 บาท : ตรวจสุขภาพ 4 รายการ
- 500-1000 บาท : ตรวจสุขภาพ 9 รายการ
- 1,000-2,500 บาท : ตรวจสุขภาพ 9-15 รายการ
- 2,500-5,000 บาท : ตรวจสุขภาพ 15-30 รายการ
- โปรแกรมตรวจเฉพาะโรค
- เริ่มต้น 1,500-20,000 : สำหรับรายการตรวจเฉพาะโรค
โรงพยาบาลเอกชน
- โปรแกรมพื้นฐาน ตรวจโรคทั่วไป
- 500-1,500 บาท : ตรวจสุขภาพ 4 รายการ
- 1,500-3,000 บาท : ตรวจสุขภาพ 9 รายการ
- 3,000-9,000 บาท : ตรวจสุขภาพ 9-15 รายการ
- 10,000-30,000 บาท : ตรวจสุขภาพ 15-30 รายการ
- โปรแกรมตรวจเฉพาะโรค
- เริ่มต้น 3,000-20,000 : สำหรับรายการตรวจเฉพาะโรค
คำแนะนำ “ต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับ ค่าตรวจสุขภาพ”
- ยิ่งอายุมาก โปรแกรมการตรวจสุขภาพยิ่งราคาสูง
- ราคาของแต่ละโปรแกรม ขึ้นอยู่กับขนาด และคุณภาพของโรงพยาบาล
- สำหรับผู้สูงอายุ แนะนำให้ตรวจโปรแกรมขั้นต่ำ 9-15 รายการ
- หากมีความเสี่ยงเฉพาะโรค แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเข้าโปรแกรมตรวจสุขภาพ
2. สิทธิ์ตรวจสุขภาพฟรี มีอะไรบ้าง

ตรวจสุขภาพพื้นฐาน (สิทธิ์บัตรทอง)
ปัจจุบันยังไม่มีบริการตรวจสุขภาพประจำปี จะเป็นการให้บริการเข้าพบแพทย์ เพื่อคัดกรองโรคขั้นพื้นฐาน โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ และหลังคลอด
- ทดสอบการตั้งครรภ์ ตรวจครรภ์
- อัลตร้าซาวด์ ตรวจเลือดคัดกรอง
- ตรวจประเมินความเสี่ยง ตรวจครรภ์
- ตรวจภาวะซีด ซิฟิลิส เอชไอวี ตับอักเสบบี
กลุ่มเด็กเล็ก (อายุ 0-5 ปี)
- ตรวจช่องปาก และฟัน เคลือบฟลูออไรด์
- ตรวจคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์
- ตรวจภาวะซีดจากกรรมพันธุ์
กลุ่มเด็กโต และ วัยรุ่น (อายุ 6-24 ปี)
- ตรวจช่องปาก และฟัน เคลือบฟลูออไรด์
- ตรวจสายตา และการได้ยิน
- ตรวจภาวะซีด ซิฟิลิส เอชไอวี
กลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 25-59 ปี)
- ตรวจช่องปาก และฟัน เคลือบฟลูออไรด์
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ตรวจมะเร็งเต้านม
- ตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ตรวจคัดกรองเบาหวาน
- ตรวจวัดความดันโลหิต
กลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 60 ขึ้นปี)
- ตรวจช่องปาก และฟัน เคลือบฟลูออไรด์
- ตรวจประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน (ADL)
- ตรวจดัชนีมวลกาย
- ตรวจคัดกรองเบาหวาน
- ตรวจวัดความดันโลหิต
- ตรวจความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ตรวจคัดกรองโรคซึมเศร้า
- ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่
สามารถตรวจสอบสิทธิได้ที่ รw.สต ศูนย์ให้บริการสาธารณสุขในชุมชน หรือ ผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. หรือ เป๋าตัง ได้เลยทันที
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ คลิก! หรือโทร 1330
สิทธิประกันสังคม ม.33 ม.39

การตรวจเต้านม
- อายุ 30-39 ปี: ตรวจทุก 3 ปี
- อายุ 40-54 ปี: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจตามความเหมาะสม
การตรวจตา
- อายุ 40-54 ปี: ตรวจ 1 ครั้ง
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจทุก 1-2 ปี
เชื้อไวรัสตับอักเสบ HBsAg
- ผู้เกิดก่อน พ.ศ.2535: ตรวจ 1 ครั้ง
ไขมันในเลือดชนิด Total cholesterol & HDL
- อายุ 20 ปีขึ้นไป: ตรวจทุก 5 ปี
มะเร็งปากมดลูกวิธี Pap Smear
- อายุ 30-54 ปี: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจตามความเหมาะสม
มะเร็งปากมดลูกวิธี Via
- อายุ 30-54 ปี: ตรวจทุก 5 ปี
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจตามความเหมาะสม
น้ำตาลในเลือด FBS
- อายุ 35-54 ปี: ตรวจทุก 3 ปี
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
เลือดในอุจจาระ FOBT
- อายุ 50 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
Chest X-ray
- อายุ 15 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
การทำงานของไต Cr
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
การตรวจสายตาด้วย Snellen eye Chart
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC
- อายุ 18-54 ปี: ตรวจ 1 ครั้ง
- อายุ 55-70 ปี: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
ตรวจปัสสาวะ UA
- อายุ 55 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
การคัดกรองการได้ยิน Finger Rub Test
- อายุ 15 ปีขึ้นไป: ตรวจ 1 ครั้ง/ปี

ตรวจสุขภาพประกันสุขภาพ
ขึ้นอยู่กับสิทธิประโยชน์ของแต่ละผู้ให้บริการ
3. เตรียมร่างกาย และจิตใจ ก่อนตรวจสุขภาพ
ควรทำ
- หลีกเลี่ยงอาหาร 8-10 ชั่วโมงก่อนตรวจ: บางการตรวจสุขภาพ เช่น ตรวจเลือด (blood tests) ต้องการให้คุณงดทานอาหารก่อนการตรวจ เพื่อให้ผลการตรวจมีความถูกต้อง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำมากมายก่อนตรวจสุขภาพสามารถช่วยให้ง่ายต่อการรับตัวอย่างเลือด และปัสสาวะ ทำให้ผู้ที่ตรวจสามารถดึงตัวอย่างได้ง่ายขึ้น
- ทำจิตใจให้สบาย: ผู้คนส่วนมากมักมีความกังวล เครียด เมื่อต้องตรวจสุขภาพ ว่าจะเจอกับปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดคิดหรือไม่ เราจึงแนะนำว่า ให้ทำใจให้สบาย ไม่เครียดเพราะถึงอย่างไร การตรวจสุขภาพก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อดูแลตัวเอง และคนที่คุณรัก
- ให้กำลังใจ: หากคุณเป็นผู้ดูแล หรือคนใกล้ชิด ผู้ที่กำลังจะได้รับการตรวจสุขภาพ ควรให้กำลังเพื่อสร้างความสบายใจ
- ยอมรับผลตรวจ ด้วยความคิดแง่บวก: ถึงแม้ว่าผลตรวจจะออกมาดี หรือพบปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดคิด แต่ถึงอย่างไรเราจะรับมือกับมันได้แน่นอน ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนปฏิบัติตัวให้เหมาะสม
ห้ามทำ
- ห้ามดื่มแอลกอฮอล์: ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการตรวจสุขภาพ เพราะสามารถทำให้ผลการตรวจไม่แม่นยำ
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไปก่อนการตรวจ: การดื่มน้ำมากเกินไปก่อนการตรวจสุขภาพอาจทำให้ผลการตรวจที่ได้ไม่แม่นยำ
- ห้ามทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีสัน: บางกรณีอาจมีการตรวจสอบสารทางอาหารหรือสารเคมีที่ทำให้สีสันของอาหารเปลี่ยนแปลง
- ห้ามสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่สามารถทำให้ผลการตรวจไม่แม่นยำ, โปรดหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนการตรวจ
- ห้ามทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานมาก: การทำกิจกรรมหนักหรือเล่นกีฬาอาจทำให้ผลการตรวจมีผลที่ผิดพลาด
- ไม่ควรวิตกกังวล: เพราะเมื่อเราเครียด หัวใจจะสูบฉีด ทำให้ความดันโลหิต และฮอร์โมนต่าง ๆ ผิดเพี้ยน มีผลต่อการตรวจสุขภาพ และการวินิจฉัยของแพทย์

4. วิธีปฏิบัติตัว เมื่อตรวจสุขภาพ
ควรทำ
- สวมเสื้อผ้าที่สะดวกสบาย: ใส่เสื้อผ้าที่ง่ายต่อการถอดในกรณีที่ต้องการการตรวจสอบบางส่วนของร่างกาย
- พกพาบัตรประจำตัว และบัตรประกันสุขภาพ: ในกรณีที่ต้องการรับบริการทางการแพทย์, ควรมีบัตรประจำตัว และบัตรประกันสุขภาพพร้อมนำมา
- แจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาที่ใช้: ถ้าคุณกำลังใช้ยา, ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อประโยชน์ในการวินิจฉัย และแผนการรักษา
ไม่ควรทำ
- ห้ามสับสนหรือปกปิดข้อมูลสุขภาพ: ควรให้ข้อมูลทางการแพทย์ทั้งหมดอย่างเต็มที่, ไม่ควรปกปิดหรือสับสนข้อมูลสุขภาพที่อาจมีผลต่อการวินิจฉัย
5. นัดหมายตรวจสุขภาพ
- เลือกแพทย์ที่เราไว้ใจ: ในบางโรงพยาบาลเอกชน เราสามารถเลือกแพทย์ผู้ปฏิบัติการได้ เพื่อความสบายใจของผู้รับตรวจ
- เลือกวันที่สะดวก: แนะนำให้เป็นวันที่สามารถพักผ่อนได้เต็มที่ก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อทำให้ผลตรวจมีความแม่นยำที่สุด และนัดวันเพื่อให้เราไม่ต้องรอนาน สามารถเดินทางไปตรวจตามวันที่ และเวลา ที่ได้นัดหมายได้อย่างชัดเจน

สรุป
การดูแลสุขภาพที่ดีมีหลายแง่ที่เราสามารถปฏิบัติเพื่อรักษาสุขภาพทั้งร่างกาย และจิตใจของเรา. ควรรักษาอาหารที่มีประโยชน์, ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, นอนหลับเพียงพอ, จัดการสตรีส์, ลดการบริโภคสารพิษ, และตรวจสุขภาพประจำปี. นอกจากนี้, การป้องกันโรค และการตรวจสอบค่าทางการแพทย์เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพในระยะยาว. คำแนะนำนี้จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของเราได้อย่างเต็มที่ และป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- ข้อมูล อัตราค่าบริการ จาก โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
- ข้อมูล โปรแกรมตรวจสุขภาพพื้นฐาน ประจำปี 2566 (Health Check up Program 2023) จาก โรงพยาบาลราชพฤกษ์
- บทความ โปรแกรมตรวจสุขภาพทั้งโรงพยาบาลรัฐ-เอกชน เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งครอบครัว จาก คุณแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
- บทความ ตรวจสุขภาพประจำปี แต่ละช่วงอายุต้องตรวจอะไรบ้าง จาก โรงพยาบาลเพชรเวช
- บทความ ตรวจสุขภาพพื้นฐาน ตรวจอะไรกันบ้าง (CHECK-UP) จาก โรงพยาบาลเปาโล