อาการ “สำลัก” ที่ผู้สูงวัยต้องระวัง
จากข้อมูลเชิงสถิติ จากผู้สูงอายุทั่วโลกพบว่า มีผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบาก และอาการสำลัก มากกว่า 40% ของประชากรกลุ่มตัวอย่าง (Sura et al., 2012, Rofes et al., 2011) หรืออาจกล่าวได้ว่า 4 ใน 10 คนที่เข้าสู่วัยชรา จะมีปัญหาสำลัก เป็นอัตราความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เทียบได้กับโรคเรื้อรังอื่น ๆ
ซึ่งอาการสำลัก อันตรายเพราะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับประทานอาหาร ทำให้ทานอาหารไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ ทำให้ร่างกายเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสจะรุนแรงขึ้น เมื่อมีอายุมากขึ้น
อาการ “สำลัก” ที่ผู้สูงวัยต้องระวัง
จากข้อมูลเชิงสถิติ จากผู้สูงอายุทั่วโลกพบว่า มีผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลำบาก และอาการสำลัก มากกว่า 40% ของประชากรกลุ่มตัวอย่าง (Sura et al., 2012, Rofes et al., 2011) หรืออาจกล่าวได้ว่า 4 ใน 10 คนที่เข้าสู่วัยชรา จะมีปัญหาสำลัก เป็นอัตราความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เทียบได้กับโรคเรื้อรังอื่น ๆ
ซึ่งอาการสำลัก อันตรายเพราะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับประทานอาหาร ทำให้ทานอาหารไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ ทำให้ร่างกายเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสจะรุนแรงขึ้น เมื่อมีอายุมากขึ้น

สถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการสำลักในผู้สูงวัย
- 18% ของผู้สูงวัยที่มีปัญหาสำลักอาหาร มีภาวะขาดสารอาหาร
- 35% ของผู้สูงวัยที่มีปัญหาสำลักอาหาร เป็นผู้ป่วยพาร์กินสัน
- 50% ของผู้สูงวัยที่มีปัญหาสำลักอาหาร มีปัญหาโรคสมอง
- 71% ของผู้สูงวัยที่มีปัญหาสำลักอาหาร มีปัญหาปอดอักเสบ (Aspiration pneumonia)
ที่มา : บทความ “โรคติดเชื้อในผู้สูงอายุ โรงพยาบาลมหิดล”
อาจกล่าวได้ว่า อาการสำลัก เป็นสัญญาณเตือน และเป็นต้นเหตุของหลาย ๆ โรค ที่ผู้สูงวัย และผู้ดูแลต้องระวัง
สำลัก คืออะไร?
การสำลัก (Aspiration) หมายถึง การที่อาหาร หรือของเหลวที่ไม่เป็นปกติ หรือไม่ควรอยู่ในทางเดินหายใจ หลุดผ่านมาเข้าไปในหลอดลม และทางเดินหายใจส่วนล่างของระบบทางเดินหายใจ ซึ่งสิ่งนี้สามารถเป็นเศษอาหาร, ของเหลว, น้ำ, น้ำมัน หรือกรดจากกระเพาะอาหารที่ไม่ควรอยู่ในทางเดินหายใจ โดยร่างกายมีการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งที่สำลักเข้ามาสามารถทำให้เกิดอาการไอ, ล้ม, หรือปัญหาการหายใจ

สำลักบ่อย ไอ เกิดจากอะไร?
ปัญหาการกลืน : บางครั้ง, ปัญหาในกระบวนการกลืนอาจทำให้สิ่งของ หรือของเหลวลงไปในทางเดินหายใจ นี้อาจเกิดจากการบกพร่องในกล้ามเนื้อหรือประสาทที่เกี่ยวข้องกับการกลืน
การหลุดลอยจากกระเพาะอาหาร : หากมีการลัดลอยของของเหลวจากกระเพาะอาหาร, เช่น กรดหรือเศษอาหาร, มีโอกาสที่มันจะถูกสูบลงไปในทางเดินหายใจ
ปัญหาในการทรงตัว หรือการเคลื่อนไหว : การสำลักอาจเกิดขึ้นในบุคคลที่มีปัญหาในการทรงตัว หรือการควบคุมการเคลื่อนไหว, เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภาวะที่ทำให้มีความผิดปกติในการควบคุมการกลืน
การสูบลมเข้าไปในทางเดินหายใจ : การสูบลม หรือเข้าข่ายโอกาสที่สิ่งของจะถูกดึงลงไปในทางเดินหายใจ, ทำให้เกิดการสำลักภาวะทางการแพทย์ : บางครั้ง, สภาพทางการแพทย์เฉพาะ เช่น ภาวะที่ทำให้มีการลำเลียง หรือการทรงตัวไม่ดี, อาจทำให้เกิดอาการสำลัก

สำลัก อันตรายไหม?
อาการสำลัก ไอ อาจเป็นอันตรายได้ขึ้นอยู่กับลักษณ ะและรุนแรงของสถานการณ์ และว่าสิ่งที่สำลักมีความพิศวงต่อร่างกายหรือไม่ อาการสำลักที่รุนแรงอาจทำให้เกิดผลกระทบทางสุขภาพร้ายแรง หรือมีความเสี่ยงทางชีวิตได้ ต่อไปนี้คือบางข้อที่สำคัญ
เสี่ยงต่อการติดเชื้อ : การสำลักอาจทำให้สิ่งที่สำลักเข้าไปในทางเดินหายใจทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจ, ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง
เสี่ยงต่อปัญหาการหายใจ : สิ่งที่สำลักอาจทำให้เกิดปัญหาการหายใจ, ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือเสี่ยงต่อการสูญเสียลมชัก
เสี่ยงต่ออักเสบ : การสำลักอาจทำให้เกิดอักเสบในทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการบวม, แดง, และปวด
เสี่ยงต่อปัญหาในระบบทางเดินอาหาร : หากสิ่งที่สำลักเป็นอาหาร หรือของเหลวจากกระเพาะอาหาร, อาจทำให้เกิดการติดต่อ หรือความเสี่ยงในระบบทางเดินอาหาร
การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ และลักษณะของการสำลัก แต่อย่างไรก็ตาม, การรักษาที่รวดเร็ว และที่เหมาะสมสามารถลดความเสี่ยงต่อผลกระทบทางสุขภาพ หากมีอาการสำลัก หรือคิดว่ามีปัญหาทางเดินหายใจ, ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสม
ทำไมผู้สูงอายุ เป็นวัยที่สำลักอาหารบ่อย
กระบวนการกลืน และการควบคุมการกลืนที่ลดลง ต่อไปนี้คือบางปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการสำลักอาหารในผู้สูงอายุ

- กล้ามเนื้อในช่องปากเสื่อมสภาพ
- โรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
- โรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร
- การรับรู้ช้าลง ร่างกายตอบสนองช้า
- การทำงานระบบประสาทไม่สัมพันธ์กัน
- ปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว ฟันหัก ไม่มีฟัน
การรักษา หรือการจัดการในกรณีการสำลักอาหารในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการทานอาหาร, การออกกำลังกาย, และการดูแลสุขภาพทั่วไป เพื่อลดความเสี่ยง และสนับสนุนสุขภาพการกลืน และระบบทางเดินอาหาร
ระดับความรุนแรงของการสำลัก

ระดับที่ 1 สำลัก ไอไม่หยุด เจ็บคอ
ความเจ็บปวดมักไม่รุนแรงมาก แต่ เกิดขึ้นแบบเรื้อรังกวนใจ เป็น ๆ หาย ๆ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจเกิดขึ้นจากส่งผลให้ทานอาหารได้น้อยลง น้ำหนักตัวลดลง ผอม เป็นอาการที่พบได้คนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเสี่ยงสูง เช่น พื้นที่มีมลพิษ ฝุ่น ควัน หรือผู้ที่สูบบุหรี่
ระดับที่ 2 สำลัก แสบคอ แสบทรวงอก
สำลักบ่อย สำลักค่อนข้างรุนแรง และสำลักนาน สังเกตได้หลังจากสำลัก มักมีอาการหน้าแดง หอบ แสบทรวงอก เหนื่อย เป็นระดับการสำลักที่พบได้มากในผู้สูงอายุ สัญญาณเตือนเริ่มต้นของภาวะกลืนลำบาก หากมีอาการอยู่ในระดับนี้ แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง และแนวทางการรักษา
ระดับที่ 3 สำลัก อาหารออกจมูก
อาการในระดับนี้ มักสร้างความบาดเจ็บให้กับผู้สำลัก เมื่อสำลักอาหารออกจมูก จะเกิดอาการปวดแสบที่ทรวงอก และโพรงจมูก หากเกิดในผู้สูงวัยเสี่ยงต่ออาการติดเชื้อ ผู้ดูแลต้องประเมินว่า อาการสำลักอาหารออกจมูกมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด หากเกิดขึ้นบ่อย และรุนแรง ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษขณะรับประทานอาหาร
ระดับที่ 4 สำลัก อาหารติดคอ
หากอาหารชิ้นใหญ่ถูกสำลักเข้ามาที่หลอดลม จะปิดกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้ผู้ที่สำลัก ทรมานจากการขาดอากาศหายใจ หากช่วยเหลือไม่ทันเวลา อาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เพียงผู้สูงอายุ เพราะมาจากเหตุไม่คาดคิดใกล้ตัว จากการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด การพูดขณะรับประทาน หรือการทานอาหารคำใหญ่เกินไป
ป้องกัน การสำลัก ด้วย 3 วิธีนี้

ปรับความหนืดของอาหาร
ความหนืดของอาหาร มีผลต่อความเร็วในการเคลื่อนที่ผ่านหลอดอาหาร
อาหารหนืดมาก ทำให้อาหารเคลื่อนลงหลอดอาหารได้ช้า หากผู้ทานมีกล้ามเนื้อคอหอยที่ไม่แข็งแรง จะทำให้รู้สึกติดคอ กลืนลำบาก จนร่างกายอยากสำลักออกมา
อาหารหนืดน้อย ทำให้อาหารเคลื่อนลงหลอดอาหารเร็วเกินไป เสี่ยงต่ออาการสำลักได้มากกว่า
โดยวิธีการปรับความหนืด ทำได้ง่าย ๆ 3 วิธีนี้
- หลีกเลี่ยงการยกดื่ม หากเป็นอาหารเหลว เช่น น้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือนม ให้ใช้หลอดที่มีรูขนาดเล็กในการดูด และค่อย ๆ ดื่มช้า ๆ
- บด ปั่น สับ อาหารให้มีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับผู้ทาน หากเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว ผู้ป่วยติดเตียง การทำอาหารให้มีขนาดเล็กจะลดโอกาสการสำลักได้ดี
- ใช้สารเพิ่มความหนืดของอาหาร ลดโอกาสสำลักของอาหารเหลว ตั้งแต่ระดับ 1 – 3 ตามมาตรฐาน IDDS
เคี้ยวให้ละเอียด
คำแนะนำในเรื่องของการเคี้ยว มื้อทานอาหาร 1 คำ ควรใช้เวลาเคี้ยวอย่างน้อย 10-15 วินาที หรือจำนวน 15 ครั้ง/คำ เพื่อให้น้ำลายช่วยทำให้อาหารมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่มมากขึ้น อาหารถูกบดเคี้ยวอย่างละเอียดมากขึ้น
การเคี้ยวให้ละเอียด ช่วยลดความรุนแรงเมื่อสำลัก ทำให้อาหารเดินทางผ่านหลอดอาหารได้สะดวก ลดภาระการทำงานของกล้ามเนื้อช่องปาก และลำคอ ประโยชน์ที่สำคัญของการเคี้ยวที่ดีคือการดูดซึมสารอาหารก็จะทำได้ดีขึ้น ระบบย่อยอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฝึกการกลืน ด้วยการกายภาพ
การฝึกกลืนด้วยการทำกายภาพบำบัด (Swallowing Therapy or Dysphagia Therapy) เป็นกระบวนการที่ใช้การทำกายภาพเพื่อปรับปรุง หรือเสริมสร้างฟังก์ชันการกลืนในบุคคลที่มีปัญหาทางกลืน หรือทรงตัวทางกลุ่มกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ปัญหาทางกลืน (Dysphagia) สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อาการเจ็บป่วย, การติดเชื้อ, อายุที่เพิ่มมากขึ้น หรือปัญหาทางโครงสร้างของระบบทางเดินอาหาร

ทั้งนี้การฝึกกลืนด้วยการกายภาพบำบัด จำเป็นต้องทำด้วยความเข้าใจถึงขั้นตอน และวิธีการอย่างถูกต้อง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อประเมินความเหมาะสมของความเข้มข้นในการทำกายภาพบำบัด ก่อนเริ่มการฝึกกลืน
ผู้ดูแล สามารถช่วยเหลือผู้สูงวัยที่มีปัญหาสำลักอาหารได้เบื้องต้น ดังนี้
- นั่งตัวตรงขณะรับประทานอาหาร
- หากเป็นผู้ป่วยติดเตียง แนะนำให้ยกศีรษะขนาดทานเล็กน้อย
- ป้อนอาหารคำเล็ก หรือใช้ช้อนตักขนาดเล็ก
- ทำให้อาหารชิ้นเล็ก ทานง่าย
- ทำให้อาหารอ่อนนุ่ม บดเคี้ยวง่าย
อาหารทดแทนมื้ออาหาร สูตรปรับเนื้อสัมผัส Nutriflow

อาหารทดแทนมื้ออาหาร คืออะไร
อาหารทดแทนมื้ออาหาร (Meal Replacement) คืออาหารที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณประโยชน์ทางโภชนาการครบถ้วนในมื้ออาหารเดียว โดยมักจะมีส่วนประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วน มักประกอบด้วยโปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, วิตามิน, แร่ธาตุ, ใยอาหาร และอื่น ๆ ที่ร่างกายต้องการ
Nutriflow สูตรปรับเนื้อสัมผัสจาก สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล

สารอาหารครบถ้วน 5 หมู่
Nutriflow ให้คุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่ากับการทานอาหารมื้อหลัก 1 มื้อ ประกอบด้วยสารอาหารหลัก ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน รวมถึงวิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง เป็นสูตรโปรตีนสูง จากพืช 3 ชนิด ที่ดูดซึมได้ดี เหมาะสำหรับผู้สูงวัย และคนที่มีปัญหาเรื่องขาดสารอาหาร ด้วยโปรตีนที่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และคงสภาพให้กล้ามเนื้อไม่ลีบหาย ลดปัญหาเบื่ออาหาร
เสริมโภชนาการได้ง่าย ๆ แค่ ฉีก ชง ดื่ม
สำหรับผู้ดูแล Nutriflow เป็นอาหารทดแทนมื้ออาหารที่ช่วยประหยัดเวลาในการเตรียมอาหารให้ผู้ป่วย เพราะออกแบบมาเป็นซองให้ฉีก เทใส่แก้ว เติมน้ำสะอาดด้วยปริมาณที่แนะนำ คนให้เข้ากันก็สามารถดื่มได้ทันที
✔️ฉีก ชง ดื่ม ไม่ต้องตวงให้เสียเวลา
✔️สารอาหารครบถ้วน 5 หมู่
✔️สูตรพิเศษกลืนง่าย
สูตรปรับเนื้อสัมผัส ทานง่ายไม่สำลัก
จากทีมวิจัย สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยการคิดค้นอาหารทดแทน Nutriflow ที่สามารถชงกับน้ำสะอาด แล้วเลือกปรับระดับความหนืดได้ 3 ระดับ ตามมาตรฐาน IDDSI ที่ให้เนื้อสัมผัส และความรู้สึกในการทานที่แตกต่างกัน
- หนืดระดับที่ 1 เหมาะสำหรับ บุคคลที่ไม่มีปัญหาเรื่องการกลืน ที่สามารถกลืนเองได้ (ระดับความหนืดพื้นฐาน)
- หนืดระดับที่ 2 เหมาะสำหรับ บุคคลที่มีภาวะกลืนลำบาก และต้องการฝึกการกลืน (ระดับความหนืดที่แนะนำ)
- หนืดระดับที่ 3 เหมาะสำหรับ บุคคลที่มีภาวะกลืนลำบาก แต่สามารถกลืนเองได้บ้าง (สูตรเข้มข้น)
ผู้ทาน Nutriflow สามารถเลือกปรับระดับความหนืดเองได้ ตามความสามารถในการกลืน แนะนำให้เริ่มต้นที่ระดับที่ 1
หากเนื้อสัมผัสมีความเหลวเกินไป จนผู้ทานสำลัก แนะนำให้ลดปริมาณน้ำที่ใช้ชง เพื่อเพิ่มระดับความหนืดเป็นระดับที่ 2 ช่วยให้อาหารเดินทางผ่านหลอดอาหารได้ช้าลง ผู้ทานสามารถฝึกกลืนได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะกลืนลำบาก
หรือสำหรับคนที่ยังสามารถกลืนเองได้ สามารถปรับความหนืดเป็นระดับที่ 3 เพื่อสัมผัสกับรสชาติที่อร่อยเข้มข้น และเป็นระดับความหนืดที่ทำให้ผู้ทานได้ฝึกกลืน บริหารกล้ามเนื้อช่องปาก และลำคอได้มากที่สุด

สรุป
ถ้าคุณหรือใครบางคนที่คุณรู้สึกสำลักอาหารอย่างต่อเนื่อง ควรรู้วิธีปฏิบัติตน และเลือกอาหารให้ถูกหลัก กลืนง่าย เคี้ยวง่าย ชิ้นเล็ก เพื่อลดโอกาสเสียชีวิต จากสำลักอาหารจนอุดกลั้นหลอดลม หรือหากมีอาการเรื้อรังรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัย และการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจจะต้องดำเนินการทดสอ บและการตรวจร่างกายเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ วิเคราะห์อาการของคุณ