โรคมะเร็ง คืออะไร

ก่อนเข้าเรื่องอาหารผู้ป่วยมะเร็ง ควรรู้จักกับ “โรคมะเร็ง” ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเซลล์ที่ผิดปกติ เรียกว่า “เซลล์มะเร็ง” ซึ่งมันสามารถแทรกแซงและทำลายเนื้อเยื่อปกติในร่างกายได้ การเกิดโรคมะเร็งเกิดจากการเกิดความผิดปกติในเซลล์ที่กำลังแบ่งตัว ซึ่งเซลล์มะเร็งมีความสามารถในการเจริญเติบโตอย่างไม่รักษาสัณฐาน และเมื่อเซลล์เหล่านี้สะสมเป็นก้อนเนื้อเรียกว่าเนื้องอกหรือเนื้อร้าย (tumor) ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ โรคมะเร็งสามารถเกิดได้ทั้งในเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ และอาจกระทบต่อระบบอื่นๆ ในร่างกาย
อาการของโรคมะเร็งและผลข้างเคียงขึ้นอยู่กับประเภทและสถานที่ของเนื้องอก แต่บางครั้งก็อาจไม่มีอาการเลยในระยะเริ่มต้น อาการที่พบบ่อยเมื่อมีการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้แก่การเกิดก้อนเนื้อที่มีขนาดใหญ่ขึ้น, ความเจ็บปวด, อาการน้ำหนักลดลง, ความอ่อนเพลีย, และอาการผิวหนังเปลี่ยนแปลง เมื่อโรคมะเร็งกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายเช่นอวัยวะอื่น อาจมีอาการเสียชีวิตได้
การวินิจฉัยโรคมะเร็งจะใช้วิธีการตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งหรือเนื้องอก เช่น การทำการตรวจร่างกาย, การตรวจเลือด, การฉายภาพเช่น X-ray, โคมลำแสง, คอมพิวเตอร์ไทโมกราฟี (CT scan), รังสีเอ็กซ์ (X-ray), การตรวจทางชีวเคมี, หรือการตัดชิ้นเนื้อส่วนที่เป็นสงสัยออกมาเพื่อตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ
การรักษาโรคมะเร็งจะขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของเนื้องอก อาจรวมถึงการผ่าตัด, การใช้รังสี, การใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy), การใช้ยาต้านเนื้องอก (Targeted therapy), และการใช้ยาฮอร์โมน (Hormone therapy) ซึ่งการรักษาอาจเป็นเชิงรุกหรือเป็นการบำบัดเพื่อควบคุมอาการ หากมะเร็งมีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย การรักษาอาจเน้นไปที่การบรรเทาอาการและดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ทำไมผู้ป่วยโรคมะเร็ง ต้องควบคุมอาหาร
การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมหรือที่ไม่ดีต่อสุขภาพสามารถมีผลกระทบต่อผู้ป่วยมะเร็งได้ในหลายด้าน
- พลังงานและสารอาหารไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารที่แย่อาจทำให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่ได้รับพลังงานและสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย สามารถทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย, น้ำหนักลดลง, และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอได้
- ภาวะเสียดวงจิตและสภาวะอารมณ์ที่ไม่ดี การรับประทานอาหารที่แย่อาจทำให้ผู้ป่วยมะเร็งรู้สึกไม่สบายทางกายและจิตใจ ซึ่งอาจส่งผลให้รู้สึกเครียด, กังวล, หงุดหงิด และมีผลกระทบที่เป็นลบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาหารที่แย่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมะเร็งอ่อนแอลง ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
- ประสิทธิภาพการรักษาที่ลดลง การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผลของการรักษามะเร็งลดลง อาจทำให้เซลล์มะเร็งไม่ได้รับสารอาหารที่สำคัญสำหรับการเจริญเติบโตหรือการต้านทานยาเคมีบำบัดได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น การรับประทานอาหารที่แย่ไม่เพียงพอสามารถทำให้ผู้ป่วยมะเร็งอ่อนแอและมีผลกระทบต่อการรักษา สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมแพทย์และโภชนาการที่ดูแล รวมถึงการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายและความสามารถในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง
สิ่งที่ไม่ควรกิน ควรหลีกเลี่ยง สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ควรลดการบริโภคอาหารหวาน, เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เพราะน้ำตาลสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
- อาหารที่มีไขมันไม่ดีต่อสุขภาพ ควรลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เนื่องจากไขมันไม่ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- อาหารที่มีปริมาณเกลือสูง ควรจำกัดการบริโภคอาหารที่มีปริมาณเกลือสูง เช่น เครื่องปรุงรสที่มีเกลือมาก เนื่องจากการบริโภคเกลือมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพได้

เรื่องที่ผู้ป่วยมะเร็งต้องศึกษาคือ “วิธีกิน” ควรรู้ว่าอะไรกินได้ อะไรไม่ควรกิน เพื่อหลีกเลี่ยงการซ้ำเติมโรคโดยไม่รู้ตัว เพราะโรคไต ถึงแม้จะรักษาให้หายขาดได้ยาก แต่ ยังคงเป็นโรคที่รักษาได้ แต่ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมรับการรักษา ที่อาจต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกาย เป็นต้นทุนในการรักษา บวกกับแรงใจ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราพร้อมสู้โรค ดังนั้นการศึกษาเรื่องอาหารเรื่องคนเป็นมะเร็ง ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง รักษาด้วยความรู้และความเข้าใจเรื่องโภชนาการ
อาหารอันตรายสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
อาหารแปรรูป ที่อาจปดเปื้อนสารเคมี ที่ส่งผลกระทบต่อเซลล์มะเร็ง เช่น อาหารแปรรูปที่มีการควบคุมเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย อาหารที่ปรุงแต่งด้วยสารกันเสีย หรืออาหารที่มีส่วนประกอบที่เป็นพิษต่อร่างกาย
รวมไปถึงอาหารแปรรูปที่มีการใช้สารกันบูด บางอาหารแปรรูปอาจมีการใช้สารกันบูดเพื่อเพิ่มอายุการเก็บรักษา อาหารเช่นนี้อาจมีสารที่ไม่ดีต่อร่างกายเมื่อบริโภคเป็นเวลานาน อาทิเช่น อาหารเนื้อกรอบ แซนวิช หรืออาหารสำเร็จที่คลุกเคล้าด้วยสารกันบูด
หากท่านเป็นผู้ป่วยมะเร็ง อาหารแปรรูป จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก หรือหากท่านเป็น “กลุ่มเสี่ยง” ที่ยังไม่เป็นมะเร็ง แต่ชอบทานอาหารแปรรูปเป็นประจำ ก็เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งได้มาก
สิ่งที่คนเป็นมะเร็งควรรับประทาน
- ผักและผลไม้ ควรบริโภคผักและผลไม้สดที่มีสีสันสดใส เช่น ผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักบุ้ง, ผักกาดหอม, ผักคะน้า และผลไม้สีสันสดใส เช่น ส้ม, แตงโม, แอปเปิ้ล เนื่องจากผักและผลไม้เหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระและเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์สูง
- แป้งธัญพืชและธัญพืชโภชนา ควรเลือกแป้งธัญพืชที่มีระดับโฟลเวอร์สูง และธัญพืชโภชนา เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวหมาก, โจ๊ก, ถั่วเหลือง, ถั่วเขียว ซึ่งเป็นแหล่งโฟลเวอร์และโปรตีนที่ดี
- ไขมันที่ดี เลือกไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไขมันที่มาจากแหล่งที่ดีเช่น น้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะเขือเทศ และควรรับประทานไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ไขมันที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาที่มีความอิ่มตัวสูงเช่น แซลมอน, ปลาเนื้ออ่อน
- โปรตีนที่ดี เลือกการบริโภคโปรตีนที่สมบูรณ์และมีคุณภาพ เช่น เนื้อสัตว์ที่อุดมไปด้วยโปรตีนเช่น เนื้อไก่, เนื้อปลา, เนื้อวัว และสินค้าจากนมเช่น โยเกิร์ตที่ไม่มีไขมันหรือนมถั่วเหลือง
- อาหารให้พลังงานสูง ควรบริโภคอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ธัญพืช, ถั่วเหลือง, ไขมันที่ดี เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

อาหารทดแทน สำหรับคนเป็นมะเร็ง
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการอาหารทดแทนเพื่อรักษาสภาพโภชนาการและรักษาสุขภาพได้อย่างเหมาะสม ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมโภชนาการหรือแพทย์ที่ดูแลด้านโรคมะเร็ง ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของมะเร็งและสภาวะทางสุขภาพของผู้ป่วย อาหารทดแทนสำหรับผู้ป่วยมะเร็งอาจมีลักษณะ ดังนี้
- โปรตีน ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่น ไก่ ปลา ไข่ เนื้อสัตว์อ่อน เนื้อวัวและสุกรล้วน ๆ เป็นต้น แต่ถ้ามีปัญหาในการย่อยซึมอาจต้องพิจารณาการใช้โปรตีนที่ทำจากพืช เช่น ถั่ว เมล็ด ถั่วเหลือง เป็นต้น
- คาร์โบไฮเดรต ควรเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีค่าดัชนีกลูเครื่องย่อยน้อย และ ค่าให้พลังงานที่สูง อาจรับประทานแป้งข้าวโพด แป้งมันฝรั่ง แป้งเดน และธัญพืชอื่น ๆ
- ไขมัน ควรเลือกไขมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะเดื่อ และน้ำมันอื่น ๆ ที่มีไขมันไม่อิ่มตัว
- ใยอาหาร ให้ความสำคัญกับการรับประทานใยอาหารในอาหารทดแทน เช่น ผักสด ผลไม้ ธัญพืช เป็นต้น เพื่อให้ได้เส้นใยอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย
- วิตามินและแร่ธาตุ อาจต้องรับประทานวิตามินและแร่ธาตุเสริมเพิ่มเติมเพื่อความสมดุลของโภชนาการ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
อาหารทดแทนสำหรับผู้ป่วยมะเร็งควรรับประทานในขอบเขตที่ถูกต้องและมีการควบคุมอย่างเข้มงวด เพราะการรับประทานอาหารผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายและการรักษาของผู้ป่วยมะเร็งได้
อาหารทดแทนดีอย่างไร? สำหรับคนเป็นมะเร็ง
- พร้อมด้วยโภชนาการ อาหารทดแทนที่ถูกออกแบบเพื่อผู้ป่วยมะเร็งมักมีสารอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ซึ่งช่วยบำรุงร่างกายและรักษาสภาพโภชนาการที่ดีตลอดการรักษามะเร็ง
- เร่งการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย อาหารทดแทนสามารถช่วยในการรักษามะเร็งและฟื้นฟูร่างกายหลังจากการรักษา เนื่องจากมีสารอาหารที่สำคัญในการสร้างเนื้อเยื่อสุขภาพ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อที่เสียหาย
- สะดวก อาหารทดแทนเป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่อาจมีอาการเบื่ออาหาร หรือไม่สามารถรับประทานอาหารปกติได้ในปัจจุบัน เนื่องจากอาหารทดแทนสามารถให้พลังงานและสารอาหารที่จำเป็นได้เหมือนอาหารปกติ
- การควบคุมน้ำหนัก อาหารทดแทนสามารถช่วยในการควบคุมน้ำหนักของผู้ป่วยมะเร็ง โดยสามารถให้พลังงานที่เพียงพอต่อร่างกาย และช่วยในกระบวนการลดหรือควบคุมน้ำหนักที่ต้องการ
- การลดผลข้างเคียงจากการรักษา บางรูปแบบของการรักษามะเร็งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีผลข้างเคียงทางอาหาร เช่น การเจ็บป่วย ความอ่อนเพลีย และปัญหาทางเดินอาหาร การรับประทานอาหารทดแทนที่เหมาะสมอาจช่วยลดอาการผลข้างเคียงเหล่านี้ได้
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับอาหารคนเป็นมะเร็ง

1. ผลไม้ที่กินได้และกินไม่ได้
ในบางกรณีบางสภาวะของมะเร็ง อาจมีความไวต่อบางชนิดของผลไม้ที่สามารถทำให้ระบบย่อยอาหารหรือระบบทางเดินอาหารรู้สึกไม่สบาย เช่น ผลไม้ที่มีความเปรี้ยวมาก เช่น มะนาว หรือผลไม้ที่มีเส้นใยในปริมาณมาก เช่น สับปะรด ดังนั้น การกินผลไม้ควรปรับตามสภาวะและอาการของผู้ป่วยมะเร็ง และควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำเฉพาะเจาะจงสำหรับสภาวะและระยะเวลาการมะเร็งที่กำลังรักษาอยู่
ควรทาน | ควรเลี่ยง |
ส้มแอปเปิ้ลกล้วยไข่แตงโมส้มโอกีวี่ผลไม้ที่มีสีเข้มเข็มข้น เช่น ส้มแดง, เชอร์รี่, บลูเบอร์รี่มะเฟือง | กล้วยหอมองุ่นลำไยทุเรียนมะนาวสับปะรด |
2. อาหารสำหรับผู้ป่วย มะเร็งระยะสุดท้าย
ในระยะสุดท้าย อาจมีอาการบาดเจ็บรุนแรง จนไม่สามารถทานอาหารปกติ การเลือก “อาหารทดแทน” คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
- ส่งเสริมการเจริญเติบโตและการฟื้นฟู การรักษาทางการอาหารสามารถช่วยส่งเสริมกระบวนการเจริญเติบโตของเซลล์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย อาหารทดแทนที่เสริมโปรตีนและพลังงานสามารถช่วยให้ร่างกายคงสภาพแข็งแรงและมีพลังในการต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ดีขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการข้างเคียง บางครั้งการรักษามะเร็งระยะสุดท้ายอาจทำให้คุณมีอาการเบื่ออาหารหรือไม่สามารถรับประทานอาหารได้เป็นปกติ ในกรณีเช่นนี้ การใช้อาหารทดแทนสามารถช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และบรรเทาอาการเบื่อหน่าย
- ให้สารอาหารที่เพียงพอ การที่คุณรับประทานอาหารที่สมบูรณ์และเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในระหว่างรักษามะเร็งระยะสุดท้าย อาหารทดแทนสามารถให้สารอาหารที่ต้องการอย่างครอบคลุม เช่น โปรตีน เอสเซนชั่นไขมัน และวิตามิน ที่ช่วยในการรักษาสภาพโภชนาการและความสมดุลของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม การใช้อาหารทดแทนในระยะสุดท้ายของมะเร็งควรให้เป็นไปตามคำแนะนำและคำแนะนำของทีมแพทย์และโภชนาการ พวกเขาจะสามารถประเมินความต้องการทางโภชนาการของคุณและให้คำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อให้คุณรับประทานอาหารผู้ป่วยมะเร็งที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาวะร่างกายของคุณในช่วงเวลานี้
3. ยกตัวอย่าง 5 เมนูอาหารในชีวิตประจำวัน ที่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็ง
- สลัดผักสดและเนื้อปลา สลัดผักสดช่วยเพิ่มปริมาณผักสีเขียวและผลไม้ที่รวมเป็นฐานเมนู และเนื้อปลาเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี รวมถึงกรดไขมันอิ่มตัวและโอเมก้า-3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ข้าวสวยและปลาทูน่าย่าง ข้าวสวยให้คาร์โบไฮเดรตในการให้พลังงาน และปลาทูน่าย่างเต็มไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันอิ่มตัว ที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง
- ต้มยำกุ้งสด ต้มยำเป็นอาหารไทยที่มีส่วนผสมหลากหลาย ประกอบด้วยเส้นใยอาหารจากผักและสมุนไพร เสริมด้วยกุ้งที่มีโปรตีนและเส้นใยอาหารอย่างดี
- แกงส้มผักรวม แกงส้มผักรวมมีส่วนผสมของผักสีสันต่างๆ เช่น กระเจี๊ยบ บรอกโคลี หรือกะหล่ำปลี ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินและเส้นใยอาหาร รวมถึงไขมันดีจากเนื้อสัตว์เล็กน้อย
- ชาเขียวและผลไม้ ชาเขียวเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระและสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คู่กับผลไม้ที่มีสารอาหารและวิตามินมากมาย เช่น ส้ม แอปเปิ้ล กล้วย เป็นต้น
4. ผักและสมุนไพรที่มะเร็งกลัว
- กระเทียม กระเทียมมีสารสำคัญที่ชื่อว่าอัลลีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีสมบัติต้านมะเร็ง การรับประทานกระเทียมสดหรือสารสกัดกระเทียมสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้
- ขมิ้นชัน ขมิ้นชันมีสารควินเซตินที่มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ การใช้ขมิ้นชันเป็นส่วนผสมในอาหารหรือเครื่องเทศสามารถมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณได้
- หญ้าตีนไก่ หญ้าตีนไก่เป็นสมุนไพรที่มีสารสำคัญที่ชื่อว่าเอฟเฟคทิน เอฟเฟคทินมีสมบัติต้านมะเร็งและสามารถช่วยลดอาการอักเสบได้ สามารถรับประทานเป็นชาหรือเพิ่มในเครื่องเทศต่างๆได้
- ผักกาดขาว มีสารสำคัญที่ชื่อว่าซัลฟอราฟาน ซัลฟอราฟานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง การรับประทานผักกาดขาวสดหรือสารสกัดสามารถช่วยรักษาสุขภาพและป้องกันมะเร็งได้
- ตะไคร้ มีสารสำคัญที่ชื่อว่าซิตราลีเจน ซิตราลีเจนมีสมบัติต้านมะเร็งและสามารถช่วยลดอาการอักเสบได้ สามารถใช้ในการปรุงอาหารหรือชงเป็นชาเพื่อเพิ่มรสชาติและประโยชน์ในการรักษามะเร็ง
5. ผู้ป่วยมะเร็ง กินไข่ขาววันละกี่ฟอง?
การกินไข่ไก่ในผู้ป่วยมะเร็งจะขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายและคำแนะนำจากทีมแพทย์หรือโภชนาการของคุณ อย่างไรก็ตาม ไข่ไก่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเนื่องจากมีโปรตีนคุณภาพสูง และประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย อย่างเช่นวิตามิน B12, เหล็ก และสังกะสี
สำหรับปริมาณที่ควรกินไข่ไก่ในแต่ละวัน นักโภชนาการและหมอผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติระบุว่าไม่มีข้อจำกัดเฉพาะสำหรับจำนวนฟองที่ควรกินต่อวัน แต่การบริโภคไข่ไก่ในปริมาณที่เหมาะสมเช่น 1-2 ฟองต่อวันเป็นทั่วไปถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับความต้องการโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ
6. อาหารผู้ป่วยมะเร็ง “ลำไส้” ไม่ควรรับประทาน
มะเร็งลำไส้ อาหารที่อันตรายที่สุด คือ “อาหารแปรรูป” เพราะอาหารแปรรูปที่มีความสูงในสารก่อมะเร็ง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในกระบวนการผลิตหรือการเตรียมอาหาร ตัวอย่างของภัยที่เกี่ยวข้องอาจ
- อาหารที่ได้รับการย่อยสลายและทำให้เกิดสารตกค้าง ในกระบวนการผลิตอาหารแปรรูปบางประเภท เช่น การทำอาหารแห้ง เครื่องปรุงรส เครื่องหมาย หรืออาหารสำเร็จรูป อาจมีการเพิ่มสารตกค้างที่อาจเป็นตัวก่อมะเร็ง เช่น ไนโตรโสมอนิอัลดีไฮด์ (nitrosamines) ที่อาจเกิดจากการผสมสารเคมีในกระบวนการผลิตหรือการเก็บรักษาอาหาร
- อาหารที่ทอดหรือย่างในอุณหภูมิสูง การทอดหรือย่างอาหารในอุณหภูมิสูง อาจทำให้เกิดสารตกค้างที่เป็นตัวก่อมะเร็ง เช่น อะคริลาไมด์ (acrylamide) ที่อาจเกิดขึ้นในอาหารที่ถูกทอดหรือย่างในอุณหภูมิสูง เช่น ขนมปัง ชิพสำเร็จรูป และขนมอบกรอบ
- อาหารที่มีสารเคมีเพิ่มเติม อาหารแปรรูปบางชนิดอาจมีการเพิ่มสารกันเสีย (preservatives) สารติดต่อที่ใช้ในการเตรียมหรือรักษาอาหาร เช่น นิตริกออกซิด (nitrates) หรือนิตริต (nitrites) ซึ่งอาจเกิดซึมผ่านเนื้อเยื่อในร่างกายและเป็นตัวก่อมะเร็ง
อย่างไรก็ตาม การลดการบริโภคอาหารแปรรูปที่มีส่วนประกอบที่เป็นปัจจัยเสี่ยง และการเลือกบริโภคอาหารสดและสุขภาพอย่างครบถ้วน รวมถึงการรักษาสไตล์การดำเนินชีวิตที่เป็นสุขภาพที่ดี เป็นวิธีที่สำคัญในการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้
7. อาหารผู้ป่วยมะเร็ง “ตับ” ไม่ควรรับประทาน
มะเร็งตับ อาหารที่อันตรายที่สุด คือ “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เพราะเป็นตัวกระตุ้นของแอลกอฮอล์ที่ส่งผลต่อเซลล์ในตับ
- การเปลี่ยนแปลงเอนไซม์ในตับ การบริโภคแอลกอฮอล์ทำให้ตับต้องตีกรองและแปรงซอกเอนไซม์เพื่อย่อยและตีกรองสารพิษ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้เอนไซม์ตีกรองเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับ
- การเปลี่ยนแปลงเซลล์ในตับ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ในตับ ซึ่งอาจเป็นส่วนที่เสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับ
- ความเสี่ยงต่อการเป็นไข้ตับอักเสบ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่เสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับ
การลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับนั้น ควรจะจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เหมาะสม หรือสามารถเลือกที่จะไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย นอกจากนี้ การรักษาสุขภาพตับอย่างเหมาะสม รวมถึงการรับประทานอาหารที่สมดุลย์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับ
8. อาหารผู้ป่วยมะเร็ง “ปอด” ไม่ควรรับประทาน
มะเร็งปอด อาหารที่อันตรายที่สุด คือ “อาหารทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำ” เพราะความเสี่ยงจากสารตกค้างที่เกิดขึ้นในกระบวนการทอดอาหารซ้ำซาก
- สารเคมีตกค้าง การทอดอาหารซ้ำซากในน้ำมันที่มีอุณหภูมิสูงอาจทำให้เกิดสารตกค้างอันเป็นตัวก่อมะเร็ง เช่น แอลดีไฮด์ (acrylamide) ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทอดแป้งหรืออาหารที่มีความหวาน เคมีสำหรับให้สีสันสำหรับทอด หรือสารอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการทอดที่ไม่ถูกตีความสะอาดอย่างเหมาะสม
- สารพิษจากการอ่อนตัวของน้ำมัน เมื่อน้ำมันถูกใช้ในการทอดซ้ำ อาจเกิดการย่อยสลายและการอ่อนตัวของน้ำมันซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นสารพิษ เช่น อะซีติกแอซิด (acetic acid) และอะลูมิเนียม (aluminum) ที่เป็นสารก่อมะเร็งได้
- การเปลี่ยนแปลงเซลล์ในปอด การบริโภคอาหารทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำซากเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ในปอด ซึ่งอาจเป็นส่วนที่เสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด
การลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด ควรลดการบริโภคอาหารทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำซาก และเลือกที่จะบริโภคอาหารที่สดใหม่และเตรียมอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ การรักษาสุขภาพปอดอย่างเหมาะสม เช่น ไม่สูบบุหรี่และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีสารพิษก่อมะเร็งอื่น ๆ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความเสี่ยง
9. อาหารผู้ป่วยมะเร็ง “ปากมดลูก” ไม่ควรรับประทาน
มะเร็งปากมดลูก อาหารที่อันตรายที่สุด คือ “อาหารทอดที่ใช้น้ำมันซ้ำ” เพราะเพิ่มความรุนแรง และกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
- เชื้อโรคอาหาร อาหารกึ่งดิบกึ่งสุกอาจเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อโรคที่สามารถก่อตัวได้ในอาหาร อย่างเช่น เชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) หรือ เชื้ออีโคไรอัส (E. coli) ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในปากมดลูกและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- สารเคมีก่อมะเร็ง การทำอาหารกึ่งดิบกึ่งสุกอาจทำให้เกิดสารตกค้างที่เป็นสารก่อมะเร็ง อย่างเช่น แอซีติกแอซิด (acetic acid) หรือ แอลดีไฮด์ (acrylamide) ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทอดหรือปรุงอาหาร สารเคมีเหล่านี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
- การเปลี่ยนแปลงเซลล์ในปากมดลูก การบริโภคอาหารกึ่งดิบกึ่งสุกอาจเป็นสาเหตุในการเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ในปากมดลูก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก
การลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก ควรปรุงอาหารให้สุกทั้งหมดและเตรียมอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารกึ่งดิบกึ่งสุกที่ไม่ได้รับการควบคุม และรักษาสุขอย่างดี รวมถึงการทำความสะอาดปากอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก

สรุป
ผู้ป่วยมะเร็งเป็นโรคที่ต้องใส่ใจการกินเป็นพิเศษ เพราะทั้งขั้นตอนการรักษา และความรุนแรงของโรค ล้วนต้องใช้ร่างกายเป็นต้นทุนเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง ยิ่งร่างกายแข็งแรงเท่าไร เซลล์มะเร็งย่อถูกกำจัดได้ง่ายเท่านั้น เรียนรู้การกิน เรียนรู้ที่จะสู้ เพราะโรคร้ายหายได้ ถ้าร่างกายเราแข็งแรงพอ
หากท่านกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ อย่างน้อย 1 ครั้ง ต่อปี เพื่อสำรวจร่างกายถึงโรคร้ายที่แอบซ่อนอยู่ อย่างโรคมะเร็ง เป็นโรคที่ไม่มีอาการที่ชัดเจนในระยะเริ่มต้น ทำให้คนส่วนมากไม่ทันระวัง จนตรวจเจอเข้าในระยะที่รุนแรงเกินกว่าจะรักษาให้หายขาดได้ การลดทุนกับสุขภาพด้วยการตรวจสุขภาพ จึงเป็นเรื่องที่ควรกระทำเพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักได้นานที่สุด
หรือหากท่านกำลังเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น การรักษาโรคมะเร็งยังคงมีหวัง ถึงแม้ว่าการรักษาจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูง ใช้ร่างกายเป็นต้นทุนที่สูง แต่ถึงอย่างไร “มะเร็งหายได้” หากรักษาได้ทัน และถูกวิธี ควรปรับพฤติกรรมที่ทำให้ร่างกาย พร้อมแก่การรักษามากที่สุด นอนให้พอ กินให้ดี โรคนี้สู้ได้
“กำลังใจที่ดี” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ใจสู้ไหว กายสู้ได้ ขอแค่ยังมีหวัง