โรคเบาหวาน คืออะไร?

ก่อนที่จะรู้จักอาหารคนเป็นเบาหวาน ควรรู้จักกับ “โรคเบาหวาน (Diabetes)” ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลในเลือด (กลูโคส) อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่เพียงพอ เนื่องจากปัญหาในการผลิตหรือการใช้งานฮอร์โมนอินซูลิน หรือทั้งคู่ โดยทั่วไปเบาหวานถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ
เบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes) เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลินในตับ ทำให้ต้องฉีดฮอร์โมนอินซูลินเข้าร่างกายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) เกิดเนื่องจากความต้านทานต่ออินซูลินของร่างกายเพิ่มขึ้น หรือการผลิตอินซูลินที่ไม่เพียงพอ ส่วนใหญ่เป็นผลจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเกินไป ขาดการออกกำลังกาย น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน และพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ที่เกินกำหนด
โรคเบาหวานสามารถก่อให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพร้ายแรงได้ รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต การสูญเสียการรับรู้ของสายตา และอาการแผลที่หายยาก การรักษาเบาหวานในระยะยาวจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเข้มข้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต เช่น การรับประทานอาหารสำหรับคนเป็นเบาหวาน การออกกำลังกายและการรับประทานยาอินซูลินหรือยาอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

ความสำคัญของอาหาร สำหรับคนเป็นเบาหวาน
การเลือกกินอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน เพราะอาหารที่รับประทานมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการโรคเบาหวาน นี่คือความสำคัญของการเลือกกินอาหารสำหรับผู้เป็นเบาหวาน:
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด : การเลือกกินอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นเบาหวาน การเลือกกินอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลที่ควบคุมได้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้
- การควบคุมน้ำหนัก : ความอ้วนหรือน้ำหนักเกินมากเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ที่เป็นเบาหวาน การเลือกกินอาหารที่มีปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสมและรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและจัดการโรคเบาหวานได้ดีขึ้น
- การบริโภคคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสม : การเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในร่างกายอย่างช้าๆ อาจช่วยลดการกระเพาะปัสสาวะน้ำตาลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
- การบริโภคใยอาหารเส้นใยสูง : ใยอาหารช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลในเลือด และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ ใยอาหารยังช่วยสร้างความสว่างได้และช่วยควบคุมน้ำหนักตัว
- การควบคุมการบริโภคไขมัน : การเลือกกินไขมันที่ดี เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวและไขมันที่ไม่เค็ม เป็นต้น ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับเบาหวาน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
การปรึกษากับทีมทางการแพทย์หรือโภชนากรเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดแผนการรับประทานอาหารคนเป็นเบาหวานที่เหมาะสมสำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ตัวอย่างเช่น แพทย์หรือโภชนากรสามารถช่วยวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสารอาหารที่สำคัญ เช่น ปริมาณแคลอรี่ ปริมาณคาร์โบไฮเดรต และปริมาณไขมันที่เหมาะสมต่อวัน
คนเป็นเบาหวาน ไม่ควรกินอาหารอะไรบ้าง?
- น้ำตาล : ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ เช่น น้ำเชื่อม น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายสี น้ำตาลนมสด อาหารหวาน ขนมหวาน และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจากน้ำตาลจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
- อาหารหมักดอง : อาหารหมักดองมักมีปริมาณน้ำตาลสูง เช่น ผักกาดขาวหมักดอง ผักกาดแก้วหมักดอง และอาหารหมักดองอื่นๆ ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคในปริมาณมาก
- อาหารที่มีไขมันสูง : ควรลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อที่มีไขมันสูง เนื้อหมูที่มีไขมันสูง เนื้อวัวที่มีไขมันสูง เนื้อหมาที่มีไขมันสูง เนื้อเป็ดที่มีไขมันสูง เนื้อไก่ที่มีไขมันสูง และอาหารที่ทอดมัน เพราะไขมันสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้
- อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง : ควรลดการบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าวสวย ข้าวกล้อง ข้าวเหนียว ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด เส้นบุก เส้นหมี่ เส้นใหญ่ และขนมปังที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
กินได้ และดีกับคนเป็นเบาหวาน
- ผักที่มีใยอาหารสูง : เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดแก้ว ผักสลัด ผักกระเฉด ผักชี ผักกระเพรา และผักคะน้า เป็นต้น ผักเหล่านี้มีใยอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยให้รู้สึกอิ่มตัวนานขึ้น
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ : เช่น ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่ และเบอร์รี่ เป็นต้น ผลไม้เหล่านี้มีความหวานธรรมชาติแต่มีน้ำตาลน้อยกว่าผลไม้บางชนิด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน
- อาหารที่มีโปรตีนสูง : เช่น เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ (ได้รวมถึงหน้าอกไก่) เนื้อปลา และเนื้อเนียร์ โปรตีนช่วยให้รู้สึกอิ่มตัวนานและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- คาร์โบไฮเดรตที่ดี : เลือกบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่มีปริมาณน้อยและความเป็นไปได้ที่จะแยกย่อยเป็นน้ำตาลในร่างกายช้าๆ เช่น ข้าวกล้อง ข้าวกล้องดำ ข้าวโพด ถั่วเขียว ถั่วลิสง และเม็ดมะม่วงเปียก
- แป้งที่มีใยอาหารสูง : เลือกกินแป้งที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวโพดแป้งเล็ก ข้าวโพดแป้งใหญ่ ข้าวโพดทราย เป็นต้น แป้งเหล่านี้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าแป้งที่มีใยอาหารน้อย
- ไขมันที่ดี : เลือกบริโภคไขมันที่ดีและมีปริมาณน้อย เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3

ตัวอย่าง ตารางโภชนาการอาหารผู้ป่วยเบาหวาน
อาหาร | เมนูอาหาร | ปริมาณ |
มื้อเช้า | ข้าวกล้องคัดเค้าแป้งเส้น ไข่ต้มหรือไข่เจียว ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ | 1/2 – 1 ถ้วย 1 ฟอง 1 ผล |
มื้อกลางวัน | ข้าวกล้องผัดไก่สับ ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก ปลาทอดราดซอสมะเขือเทศ | 1/2 – 1 ถ้วย 1 ถ้วย 1 ชิ้นเล็ก |
มื้อเย็น | สลัดผักกับอกไก่ย่าง ข้าวกล้องหรือข้าวสวย ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ | 1 ถ้วย 1/2 – 1 ถ้วย 1 ผล |
อาหารว่าง | โยเกิร์ตอ่อนและเม็ดผลไม้ ขนมปังไร้น้ำตาลและแยม ผลไม้สดหรือเนื้อสัตว์อ่อน | 1 ถ้วย 1 ชิ้นเล็ก 1 ส่วน |
แนะนำเมนูอาหาร 7 วันสำหรับคนเป็นเบาหวาน
วันที่ 1
มื้อเช้า
- ข้าวกล้องคัดเค้าแป้งเส้น
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- ข้าวกล้องผัดไก่สับ
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ปลาทอดราดซอสมะเขือเทศ
มื้อเย็น
- สลัดผักกับอกไก่ย่าง
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
วันที่ 2
มื้อเช้า
- โจ๊กข้าวโพดไก่
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- สุกี้กุ้งสด
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
มื้อเย็น
- ปลาทูทอดน้ำปลา
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
วันที่ 3
มื้อเช้า
- ข้าวกล้องผัดแกงเขียวหวานไก่
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- สเต็กเนื้อผัดผักรวม
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
มื้อเย็น
- แกงจืดไก่
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
วันที่ 4
มื้อเช้า
- ข้าวกล้องผัดหมูใส่กระเทียม
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- หมูผัดพริกเผา
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
มื้อเย็น
- ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
วันที่ 5
มื้อเช้า
- ข้าวกล้องผัดหมูใส่กระเทียม
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- ไก่ทอดน้ำปลา
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
มื้อเย็น
- สเต็กปลาย่าง
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
วันที่ 6
มื้อเช้า
- ข้าวกล้องคัดเค้าแป้งเส้น
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- ผัดซีอิ้วหมู
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
มื้อเย็น
- แกงส้มชะอมไข่
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
วันที่ 7
มื้อเช้า
- โจ๊กข้าวโพดไก่
- ไข่ต้มหรือไข่เจียว
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
มื้อกลางวัน
- สุกี้กุ้งสด
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ข้าวกล้องหรือข้าวสวย
มื้อเย็น
- ปลาทูทอดน้ำปลา
- ผักสดปรุงน้ำมันมะกอก
- ผลไม้ที่มีความหวานต่ำ
อาหารทดแทน สำหรับคนเป็นเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานต้องกินอาหารทดแทน “เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาสุขภาพในระยะยาว” เนื่องจากเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถประมวลผลน้ำตาลในเลือดได้อย่างปกติ ซึ่งอาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือคาร์โบไฮเดรตสูง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเกินไปทำให้เกิดอาการเบาหวานไม่สมดุลได้ การรับประทานอาหารทดแทนทางการแพทย์สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต โรคตาเบาหวาน เป็นต้น
อาหารทดแทนทางการแพทย์ที่ออกแบบมาสำหรับผู้ป่วยเบาหวานมีลักษณะที่ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล โปรตีน ไขมัน และใยอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่สมดุลและเหมาะสม การรับประทานอาหารทดแทนทางการแพทย์ยังช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ส่งเสริมการทำงานของตับและไต และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน อีกทั้งยังช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และป้องกันการเกิดภาวะอ้วนเกินขึ้นอีกด้วย
อาหารทดแทนทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยเบาหวานมีความสำคัญอย่างมากในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและการรักษาสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น อาหารทดแทนทางการแพทย์ที่ดีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
อาหารทดแทนดีอย่างไร สำหรับคนเป็นเบาหวาน
อาหารทดแทนทางการแพทย์เป็นอาหารสำเร็จรูปที่ง่าย และดี ต่อผู้ป่วยเบาหวานเพราะสามารถให้คุณค่าทางโภชนาการได้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และยังสามารถเลือกซื้อสูตรเฉพาะที่มีส่วนประกอบที่คุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้คนเป็นเบาหวานสามารถทานได้อย่างไม่กระทบสุขภาพ โดยส่วนมากจะเป็นอาหารทดแทนในลักษณะของผงชงพร้อมดื่ม ที่มีให้เลือกซื้อหลายกลิ่น หลายรสชาติ ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถเลือกซื้อในแบบที่ตนเองชอบได้ ง่าย ถูกใจ และคุมปริมาณสารอาหารและค่าน้ำตาลได้ดีกว่าอาหารปกติทั่วไป
คำถามที่พบบ่อย

1. เป็นเบาหวาน ไขมัน และ ความดัน กินอาหารเหมือนกันไหม
ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน มีระดับไขมันสูง และความดันโลหิตสูงพร้อมกัน การรับประทานอาหารเหมือนกันอาจไม่เหมาะสมต่อสภาวะสุขภาพของคุณ แต่จะต้องพิจารณาแต่ละส่วนอาหารคนเป็นเบาหวานและความเหมาะสมของแต่ละองค์ประกอบกับสภาวะทางสุขภาพของคุณเอง
เมื่อมีเบาหวาน ไขมันสูง และความดันโลหิตสูงพร้อมกัน อาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแพทย์อาหารของคุณเพื่อควบคุมโรคทั้งสามในเวลาเดียวกัน คุณควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนากรที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโภชนาการทางการแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะที่เหมาะสมกับสภาวะทางสุขภาพของคุณ การออกแบบแผนอาหารที่เหมาะสมสำหรับคุณอาจรวมถึงส่วนต่างๆ
- ควบคุมคาร์โบไฮเดรต ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำตาลและอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ลดไขมันอิ่มตัว ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง และเลือกโปรตีนที่ต่ำไขมัน เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ไร้หนัง ถั่ว เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะเสี่ยงทางหัวใจและหลอดเลือด
- ควบคุมการบริโภคเกลือ ลดปริมาณเกลือในอาหาร เนื่องจากการบริโภคเกลือมากอาจเพิ่มความดันโลหิตสูง
- รับประทานผลไม้และผักสีเขียวเข้ม เลือกผลไม้และผักที่มีความหวานต่ำ และเต็มไปด้วยวิตามินและเส้นใย เช่น ผักบุ้ง ผักกาดหอม สับปะรด เป็นต้น
- ควบคุมการรับประทานแอลกอฮอล์ การรับประทานแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่สามารถเพิ่มความดันโลหิตได้ ดังนั้นควรเลือกเลิกดื่มแอลกอฮอล์หรือรับประทานอย่างจำกัด
อย่างไรก็ตาม สภาวะทางสุขภาพของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดแผนอาหารคนเป็นเบาหวานที่เหมาะสม คุณควรพูดคุยกับทีมทางการแพทย์ของคุณเพื่อรับคำแนะนำและแผนอาหารที่เหมาะสมสำหรับคุณ
2. ผักที่คนเป็นเบาหวานไม่ควรกิน
ผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การรับประทานปริมาณน้ำตาลสูง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเขาได้ ยกตัวอย่าง น้ำมะพร้าวหรือน้ำกะทิ, มันฝรั่ง, มันเทศ, ข้าวโพด, มันหวาน
3. ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานห้ามกิน
ผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงอาจมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การรับประทานปริมาณน้ำตาลสูงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเขาได้ เช่น การเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเบาหวานไม่สามารถควบคุมได้ดี ยกตัวอย่างเช่น กล้วย,ส้ม, แอปเปิ้ล, ทุเรียน, ลำไย, มังคุด, กีวี, มะม่วงสุก
4. เป็นเบาหวาน กินอะไรแทนข้าวสวยได้บ้าง?
ถ้าคุณต้องการรับประทานอาหารแทนข้าวสวย เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุณสามารถลองรับประทานตัวเลือกต่อไปนี้
- ข้าวกล้อง ข้าวกล้องมีค่าน้ำตาลต่ำกว่าข้าวสวยและมีใยอาหารมากกว่า ทำให้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่า
- ข้าวหอมมะลิกล้อง เป็นข้าวที่ผ่านการปรับสภาพเพื่อลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในเมล็ดข้าว มีคุณสมบัติที่ดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน
- ข้าวโพด เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่มีน้อยและใยอาหารมาก คุณสามารถรับประทานข้าวโพดแทนข้าวสวยได้
- ข้าวมันหอมนึ่ง เป็นข้าวที่มีค่าน้ำตาลต่ำ และมีรสชาติหวานธรรมชาติ สามารถเป็นตัวเลือกทางอาหารแทนข้าวสวยได้
- แป้งสาลี คุณสามารถใช้แป้งสาลีแทนข้าวสวยในอาหาร เช่น แป้งสาลีจากข้าวโพดหรือแป้งสาลีจากโซรัมข้าว ซึ่งมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าข้าวสวย
6. คนเป็นเบาหวาน ควรกินกี่มื้อ
จำนวนมื้ออาหารคนเป็นเบาหวานควรรับประทานในแต่ละวันอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการและคำแนะนำจากแพทย์หรือโภชนาการที่ดูแลผู้ป่วยเบาหวาน แต่ในทั่วไปแล้วควรรับประทานอาหารในจำนวนมื้อที่มีความสมดุลและเหมาะสม ดังนี้
- ความสมดุลระหว่างมื้อหลักและมื้อเล็ก แนะนำให้รับประทานมื้อหลัก 3 มื้อต่อวัน และรับประทานมื้อเล็ก 2-3 มื้อ เพื่อความสมดุลและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ความถี่ในการรับประทาน แนะนำให้รับประทานอาหารที่แบ่งเป็นมื้อเล็กๆ บ่อยครั้ง ระหว่างมื้อหลัก เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนัก
- การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดจะช่วยให้คุณ และแพทย์เข้าใจความต้องการอาหารและยาที่เหมาะสมสำหรับคุณ
7. เมนูอาหารในชีวิตประจำวัน สำหรับคนเป็นเบาหวาน
- ยำสุกี้หมูมะนาว ยำสุกี้ผสมกับมะนาวและเครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม เป็นอาหารคลีนิคที่อร่อยและเพิ่มสีสันในเมนูของคุณ
- สลัดผักแบบไดเอท ใช้ผักสดต่างๆ เช่น ผักโรยหน้า, มะเขือเทศ, แครอท, ถั่วงอก และเครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม ควรเลือกใช้ซอสสลัดที่ต่อต้านน้ำตาล
- ปลาเส้นทอดน้ำปลา ใช้เนื้อปลาเส้นทอดในน้ำปลา มีรสชาติอร่อยและไม่มีน้ำตาลเพิ่ม
- แกงจืดผักกาดขาว แกงจืดผักกาดใส่หมูสับหรือเต้าหู้และเครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม เป็นอาหารที่ร้อนและเพิ่มสรรพคุณทางโภชนาการ
- ปลาหมึกผัดพริกเผา ใช้ปลาหมึกผัดกับพริกเผา และผักสด เป็นเมนูที่เต็มไปด้วยรสชาติและส่วนผสมที่ไม่มีน้ำตาล
- ผัดผักบุ้งไฟแดง ผัดผักบุ้งกับเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ และใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาล
- สุกี้หมูสับผัดขิง ใช้เนื้อหมูสับผัดกับขิงและผักสด เป็นเมนูที่รสชาติหวานกลมกล่อมแต่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม
- แกงส้มผักรวม ใช้ผักสดต่างๆ เช่น กระเทียมพริกไทย, ถั่วฝักยาว, แครอท, กะหล่ำปลี เป็นเมนูที่เสริมสร้างระดับสารอาหาร
- ไก่อบมะนาว นำเนื้อไก่อบพร้อมมะนาว และใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาล
- ผัดกระเพราไก่ใส่ไข่ดาว ผัดเนื้อไก่กับใบกระเพราและไข่ดาว ใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม
- สปาเก็ตตี้ผัดผักรวม ผัดสปาเก็ตตี้กับผักสดต่างๆ ใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาล
- หมูผัดพริกเผา ผัดหมูกับพริกเผาและผักสด เป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนและไม่มีน้ำตาล
- ไข่เจียวผักสลัด ทอดไข่เจียวและเสิร์ฟพร้อมผักสลัดสด เป็นเมนูที่เต็มไปด้วยโปรตีนและสารอาหารอื่นๆ
- ปลาหมึกนึ่งมะนาว นึ่งปลาหมึกและเพิ่มมะนาวเข้าไปในน้ำซุป เป็นเมนูที่ไม่มีน้ำตาลและรสชาติสดชื่น
- ห่อหมกผัก ห่อหมกไว้ในใบผักสด เช่น ใบชะพลู ใบกะเพรา ใบกระเพราะ เป็นเมนูที่เต็มไปด้วยรสชาติและส่วนผสมที่ไม่มีน้ำตาล
- แกงคั่วกุ้งผักบุ้ง แกงเผ็ดๆ กุ้งผัดกับผักบุ้ง และใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาล
- ผัดไทยผักกาดหมูสับ ผัดเส้นกุ้งกับผักกาดและหมูสับ ใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม
- ต้มแซ่บปลากะพง ในน้ำและเครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาล เป็นอาหารที่ร้อนและเติมพลังงาน
- ข้าวผัดปู ผัดข้าวกับปู และใช้เครื่องปรุงรสที่ไม่มีน้ำตาล
- ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกผักกาด ใช้ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกผักกาดและเนื้อสัตว์ที่เป็นไปได้ เป็นอาหารที่อร่อยและไม่มีน้ำตาลเพิ่ม
สรุป
การควบคุมการกินอาหารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและความสมดุลในสุขภาพทั่วไป ควรปรึกษาแพทย์หรือโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับเมนูอาหารคนเป็นเบาหวานที่เหมาะสมและการควบคุมอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดการโรคเบาหวานให้ดีที่สุด
หรือง่ายกว่านั้นด้วยการใช้ “อาหารทดแทน” สูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องค่าโภชนาการ โดยเฉพาะค่าน้ำตาลที่อาจมีผลร้ายต่อโรค การใช้อาหารทดแทนทำให้เราสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาล ปริมาณสารอาหารได้ง่ายกว่าการทานอาหารปกติทั่วไป แต่ถึงอย่างไร ท่านควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวเพื่อว่าแผนการใช้อาหารทดแทนร่วมกับมื้ออาหารปกติได้อย่างเหมาะสม